ข้อมูลล่าสุดจาก 3 ประเทศเทียบความรุนแรง Omicron-Delta
เปิดผลวิจัยอังกฤษ-สกอตแลนด์-แอฟริกาใต้ เทียบอัตราเข้าโรงพยาบาล Omicron-Delta
Bloomberg และ The New York Times รายงานผลการศึกษา 3 ชิ้นจากอังกฤษ สกอตแลนด์ และแอฟริกาใต้ ชี้ให้เห็นว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีโอกาสก่อให้เกิดอาการป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา จุดประกายให้เกิดความหวังว่าการแพร่ระบาดระลอกนี้อาจไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด แต่ก็ยังไม่สามารถชะล่าใจเนื่องจากผู้ติดเชื้อจะพุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอมิครอนที่ลดลงในทั้ง 3 ประเทศก็อาจเกิดจากการที่ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศเหล่านั้นมีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่ว่าจะจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อครั้งก่อน
สกอตแลนด์
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ สกอตแลนด์ พบว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ลดลง 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา แต่มีโอกาสติดเชื้อซ้ำมากกว่าเดลตาถึง 10 เท่า
ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาจากผู้ติดเชื้อโอมิครอน 23,840 คน และผู้ติดเชื้อเดลตา 126,511 คน ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. ถึง 19 ธ.ค. พบว่ามีผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ต้องเข้าโรงพยาบาล 15 คน ขณะที่ผู้ติดเชื้อเดลตาเข้าโรงพยาบาล 856 คน
ผลการศึกษายังพบว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนอกจากจะเสริมภูมิคุ้มกันต่อเดลตาแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโอมคิรอนแบบแสดงอาการ 57% เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีน 2 เข็มมาอย่างน้อย 25 สัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแม้ผู้ติดเชื้อโอมิครอนอาจมีโอกาสป่วยหนักน้อยกว่าเดลตา แต่มันแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว ซึ่งหากผู้ติดเชื้อยังคงพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัวแบบนี้ก็อาจมีวันที่จำนวนผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลจากโอมิครอนมากกว่าเดลตา
อังกฤษ
ทีมวิจัยจากอิมพีเรียลคอลเลจลอน ได้ทำการศึกษาผู้ติดเชื้อในอังกฤษระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. ถึง 14 ธ.ค. พบว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลลดลง 40% ถึง 50% เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อเดลตา
"หลักฐานเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าโอมิครอนก่อความเสี่ยงในการรักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเดลตา แต่การติดเชื้อจำนวนมากก็นำไปสู่การรักษาในโรงพยาบาลจำนวนมากเช่นกัน" ทีมวิจัยกล่าว
ทว่า ภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วหรือเคยติดเชื้อมาก่อนมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอกับโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่ก็ยังถือว่าเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
แอฟริกาใต้
ผลการศึกษาจากแอฟริกาใต้ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ medrxiv.org ชี้ว่าผู้ติดเชื้อโอมิครอนมีโอกาสเกิดโรคร้ายแรงน้อยลง 70% และมีโอกาสเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยลง 80% เมื่อเทียบกับการติดเชื้อเดลตา แต่หากป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้ว ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงจากโอมิครอนและเดลตานั้นพอๆ กัน
ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาตัวอย่างผู้ติดเชื้อ 161,328 คนในแอฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. ถึง 6 ธ.ค. พบว่าผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่ต้องเข้าโรงพยาบาลคิดเป็นสัดส่วน 2.5% ขณะที่ผู้ติดเชื้อเดลตาที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลคิดเป็น 12.8%
อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยคาดการณ์ว่าการที่มีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลน้อยอาจมาจากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ป่วยหลายคนได้รับวัคซีนแล้วหรือเคยติดเชื้อมาก่อน
รายงานระบุว่าโอมิครอนอาจอันตรายน้อยกว่าเดลตา อย่างน้อยก็ในพื้นที่ที่มีภูมิคุ้มกันสูง ถึงกระนั้นแม้ว่าโอมิครอนจะมีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดโรคร้ายแรงน้อยกว่าเดลตา แต่แพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า
นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า "เมื่อมีการติดเชื้อจำนวนมาก แม้ว่าจะรุนแรงน้อยกว่าก็ตาม มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าจะมีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง" (เพราะการติดเชื้อจำนวนมากจะทำให้การรักษายากขึ้น)
ด้านองค์การอนามัยโลกชี้ว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่าโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าหรือมากกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา เนื่องจากยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ แต่สิ่งสำคัญคือการฉีดวัคซีนและปฏิบัติตามมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ว่าไวรัสจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงหรือไม่
Photo by Ina FASSBENDER / AFP


