จะเป็นอย่างไรเมื่อคนเอเชียบุกเมืองที่ได้ชื่อว่า 'เหยียดโคตรๆ' ในสหรัฐ
เมื่อคนเอเชียลองใช้ชีวิตใน "เมืองที่เหยียดเชื้อชาติที่สุดในอเมริกา"
การเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐยังคงพุ่งเป้าไปที่พลเมืองเชื้อสายเอเชีย และยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง และการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติกำลังเป็นปัญหาใหญ่และทวีความรุนแรงมากขึ้นในสหรัฐ ซึ่งมีคนไทยไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อ
ไม่นานมานี้มีข่าวหนึ่งที่เป็นกระแสบนโลกออนไลน์เมื่อนักศึกษาสาวไทยถูกทำร้ายร่างกาย พยายามทำอนาจาร และชิงทรัพย์ ขณะกำลังยืนรอรถไฟที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งผ่านมาแล้วเป็นเดือนคดีความก็ยังไม่คืบหน้า
อีกข่าวหนึ่งที่น่าสลดใจคือกรณีของนายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปีที่อาศัยอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต โดยเชื่อว่ามีมูลเหตุมาจากพฤติกรรมการเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชีย
- องค์กร STOP AAPI Hate ระบุว่าชาวเอเชียในสหรัฐตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากความเกลียดชังหลายพันครั้งในช่วงเวลาไม่ถึง 1 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ศูนย์ศึกษาความเกลียดชังและลัทธิหัวรุนแรงระบุว่าอาชญากรรมจากความเกลียดชังชาวเอเชียในสหรัฐเมื่อปี 2020 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 149% ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ
- ทว่า ข้อมูลของสำนักสถิติกระทรวงยุติธรรมพบว่า ตัวเลขนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากผู้เสียหายจากเหตุการณ์เหล่านี้แจ้งตำรวจไม่ถึงครึ่ง
- นอกจากนี้ยังมีชาวเอเชียจำนวนมากที่ออกมาเล่าประสบการณ์การตกเป็นเหยื่อจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติ และมีชาวเอเชียจำนวนไม่น้อยที่ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ จนกระทั่งแฮชแท็ก #StopAsianHate ขึ้นเป็นแฮชแท็กยอดนิยมบนโลกออนไลน์อยู่ขณะหนึ่ง
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในหลายต่อหลายเมืองในสหรัฐ แต่มีอยู่เมืองหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเป็นเมืองที่เหยียดเชื้อชาติที่สุดในอเมริกา
เมืองแฮร์ริสัน รัฐอาร์คันซอ เป็นเมืองที่มีคนผิวขาวอาศัยอยู่ราว 95% และเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชาวผิวขาวมากที่สุดในสหรัฐ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเมืองนี้ถูกเรียกว่าเป็น "เมืองที่เหยียดเชื้อชาติที่สุดในอเมริกา" (The most racist town in America)
ในปี 1905 และ 1909 เกิดการจลาจลของคนผิวขาวขึ้นในแฮร์ริสันซึ่งขับไล่ชาวผิวดำออกจากพื้นที่ และในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการจลาจลทางเชื้อชาติขึ้นอีก 2 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการหลั่งไหลเข้ามาของลัทธิคลั่งคนผิวขาว (White Supremacist) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 และต้นศตวรรษที่ 21 ด้วยเหตุนี้แหล่งข่าวหลายแห่งจึงเรียกเมืองนี้ว่า The most racist town in America
เมืองนี้มีชื่อเสียงมากเมื่อปีที่แล้วเมื่อมีการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนของคนผิวดำ (Black Lives Matter) โดย ร็อบ บลิส (Rob Bliss) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวผิวขาวออกมาถือป้ายรณรงค์ Black Lives Matter ที่เมืองแห่งนี้ แล้วก็พบว่าปฏิกิริยาของคนที่นี่ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก
Holding a #BlackLivesMatter sign in America's most racist town, headquarters of the KKK- Harrison, Arkansas. pic.twitter.com/2jUrCv14fV
— Rob Bliss (@robblissgr) July 27, 2020
แล้วกับชาวเอเชียจะเป็นยังไง?
ช่อง Cantomando บนยูทูบ ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 7 แสนคนได้ทดลองใช้ชีวิตในเมืองแฮร์ริสัน ในคลิปวิดีโอที่ชื่อว่า "ชีวิตของชาวเอเชียในเมืองที่เหยียดเชื้อชาติที่สุดในอเมริกา" (Day in the Life of an Asian in America's Most RACIST Town) เพื่อดูปฏิกิริยาของผู้คนในเมืองแห่งนี้ที่มีต่อชาวเอเชีย
"ได้ข่าวว่านี่เป็นเมืองที่เหยียดเชื้อชาติที่สุด ในฐานะเอเชียนอเมริกัน พวกเรา 3 คนอยากมาเห็นกับตาตัวเอง" ยูทูบเบอร์กล่าวในคลิปวิดีโอ
แต่ต้องถึงกับอึ้งเมื่อพบกับหญิงคนหนึ่งที่บอกกับพวกเขาว่า "หลานสาวของเธออายุ 26 หล่อนชอบผู้ชายจีน อยากจะไปเมืองจีนสักครั้งและหิ้วผู้ชายจีนกลับบ้านสักคน" และยังขอกอดพวกเขาด้วย
และยิ่งผิดคาดเมื่อพวกเขาไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งพนักงานบอกกับพวกเขาว่าในฐานะคนเชื้อสายเอเชียที่อยู่ที่นี่มาหลายปีเธอไม่เคยมีประสบการณ์ถูกเหยียดเลย
ยูทูบเบอร์ลองแกล้งคุยโทรศัพท์เป็นภาษาจีนเสียงดังๆ ก็แล้ว เข้าไปพูดคุยกับคนที่นี่ก็แล้ว พวกเขาก็ยังไม่เจอว่าจะมีใครเหยียดพวกเขาเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ยูทูปเบอร์ 3 คนนี้ยังได้ร่วมวงพูดคุย กิน ดื่ม เล่นบาสเกตบอลกับคนที่นี่ ซึ่งทุกคนก็ต้อนรับและพูดคุยกับพวกเขาอย่างเป็นมิตร นี่คืออีกด้านหนึ่งที่คลิปวิดีโอของร็อบ บลิสไม่ได้เล่า
คลิปวิดีโอดังกล่าวมีผู้ชมกว่า 6.7 ล้านครั้งและความคิดเห็นอีกกว่า 4 หมื่นรายการ อาทิ
"ฉันชอบที่คนหนุ่มสาวที่นี่ตระหนักถึงชื่อเสียงที่ไม่ดีของเมืองและพยายามจะเปลี่ยนมันด้วยความเป็นมิตร"
"พวกเขาแค่ไม่รู้จักความหลากหลาย โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นคนไม่ดี"
"ความจริงก็คือพวกคุณมีทีมงาน มีกล้อง มันก็เหมือนมีตำรวจคุ้มกันนั่นแหละ"
"ฉันทึ่งกับความกล้าของพวกคุณที่ไปที่นี่ทั้งที่รู้ว่าอาจถูกทำร้าย..ดีใจที่พวกคุณปลอดภัย"
"มีคนมองไม่แปลกหรอก ผู้ชายผมหลากสี 3 คนกำลังเดินไปมาพร้อมกล้องและพยายามถ่ายอะไรบางอย่าง ในเมืองที่ประชากร 40% ยังใช้โทรศัพท์แบบฝาพับอยู่เลย"
""ไม่มีใครอยากไปเที่ยวกับพวกเราเลย" (อ้างคำพูดของยูทูบเบอร์ในคลิปวิดีโอ) เป็นฉันก็ไม่อยากไปเที่ยวกับชายแปลกหน้า 3 คนเหมือนกัน"
"ฉันเป็นเอเชียนอเมริกันที่อาศัยอยู่ในเมืองแบบนี้ ผู้คนน่ารักและให้การต้อนรับดีมาก แค่เปิดใจให้กว้างก็พอ :)"
"สถานที่ไม่ได้เหยียดเชื้อชาติ ผู้คนต่างหากที่เหยียด"
"เราต้องเข้าใจด้วยว่าการกระทำของคนบางคนจะนำมาตัดสินคนทุกคนไม่ได้"
Photo by REUTERS/Eric Lee


