ประชาชนเบลารุสปลดแอก ไล่เผด็จการกุมอำนาจ26ปี
เกิดอะไรขึ้นกับเบลารุสเมื่อประชาชนที่ทนอยู่กับเผด็จการมาเกือบ 30 ปี ลุกขึ้นท้าทายอำนาจ
อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก (Alexander Lukashenko) ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเบลารุสตั้งแต่ปี 1994 หรือ 26 ปีแล้วซึ่งเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในบรรดาประเทศที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เผด็จการคนสุดท้าย" ของยุโรป
ในการเลือกตั้งห้าครั้งก่อนหน้านี้ ลูกาเชนโกไม่เคยมีผู้ท้าชิงที่จริงจังที่จะโค่นเขาลงได้เลย นั่นก็เพราะรัฐบาลเผด้จการของเขาใช้วิธีกำราบฝ่ายตรงข้ามมาโดยตลอดและยังอาจจะโกงเลือกตั้งทุกครั้ง (ยกเว้นครั้งแรก) โดยที่ประชาชนไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมาต่อต้าน
แต่อำนาจเผด็จการของเขาถูกประชาชนท้าทายในที่สุดในช่วงทีเกิดการระบาดของโควิด-19 สั่งสมให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชนขึ้นมา โดยมีการเดินขบวนประท้วงในเดือนมิถุนายน โดยที่ลูกาเชนโกยังกำจัดฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ลงเลือกตั้งประธานาธิบดี แถมยังอ้างว่ามีความพยายามยึดอำนาจเขา
และฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดี ปรากฎว่าถนนเข้ากรุงมินสก์ถูกตำรวจและทหารกั้นไว้ อินเทอร์เน็ตถูกบล็อคบางส่วน ในค่ำวันนั้นผลเอ็กซิตโพลให้ลูกาเชนโกชนะท่วมท้นถึง 80.23% ส่วนสเวียตลานา ชิคานูสกายา คู่แข่งได้เพียง 9.9%
ผลที่ออกมาทำให้ผู้สนับสนุน ชิคานูสกายาออกมาแสดงพลังตามเมืองต่างๆ ในวันที่ 9 และวันต่อมาการประท้วงการจายไปทั่วเบลารุส และมีรายงานว่าเจ้าหน้ทาที่รัฐใช้กำลังรุนแรงกับผู้ประท้วง แต่ก็ไม่สารถบั่นทอนกำลังใจของประชาชนได้
จนกระทั่งในวันที่ 16 สิงหาคมเกิดปรากฎการณ์ม็อบชนม็อบขึ้น เมื่อผู้สนับสนุนลูกาเชนโกนั่งรถบัสมาจากเมืองต่างๆ ทั่วประเทศมายังกรุงมินสก์ เพื่อแสดงพลังสนับสนุนผู้นำ
ประเทศต่างๆ ในยุโรปเริ่มเข้ามาแทรกแซง เช่น สหภาพยุโรปเสนอที่จะคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่เบลารุสที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประณามความรุนแรง เช่นเดียวกับประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ที่แสดงท่าทีต่อต้านลูกาเชนโก
ส่วนประเทศอดีตสหภาพโซเวียตส่วนใหญ่รวมถึงรัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนลูกาเชนโก วลาดิมีร์ ปูตินถึงกับเสนอให้ความช่วยเหลือทางการทหารกับผู้นำเบลารุสด้วยซ้ำ ทำให้เกิดความกังวลว่าสถานการณ์ที่เบลารุสอาจทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างชาติตะวันตกกับรัสเซียเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับกรณียูเครน
Photo by Sergei GAPON / AFP


