กัมพูชาเหยียบกันตาย 300กว่าศพแล้ว
รัฐบาลกัมพูชาเตรียมจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวจากเหตุเหยียบกันตายสหรัฐออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจโศกนาฎกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดนับแต่การปกครองเขมรแดง
รัฐบาลกัมพูชาเตรียมจ่ายเงินช่วยเหลือครอบครัวจากเหตุเหยียบกันตายสหรัฐออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจโศกนาฎกรรมครั้งเลวร้ายที่สุดนับแต่การปกครองเขมรแดง
ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์การเสียชีวิตของประชาชนราวกว่า 349 ชีวิต และบาดเจ็บอีกกว่า 400 ราย ในงานเทศกาลประจำปีที่กรุงพนมเปญ ของกัมพูชา
"ในนามของประธานาธิบดีบารัก โอบามา และประชาชนในสหรัฐ เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการเสียชีวิตและการบาดเจ็บในโศกนาฎกรรมในเทศกาลประจำปี วอเตอร์ เฟสติเวล ที่กรุงพนมเปญ" คลินตันกล่าว
เหตุที่เกิดขึ้นถือเป็น โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่เลวร้ายที่สุดในกัมพูชา นับตั้งแต่พ้นจากการปกครองของเขมรแดง
"นี่คือโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่เราเคยเผชิญในรอบ 31 ปี นับตั้งแต่การล่มสลายของยุคเขมรแดง" นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าว
นายกฯฮุนเซนสั่งสอบสวนสาเหตุของการเสียชีวิต และความวุ่นวายครั้งนี้โดยด่วน พร้อมทั้งประกาศให้วันพฤหัสที่ 25 พ.ย. นี้ เป็นวันไว้อาลัย โดยจะมีการชักธงชาติลงครึ่งเสา
ส่วนในด้านความช่วยเหลือนั้น ทางรัฐบาลจะมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 5 ล้านเรียว หรือราว 3.7 หมื่นบาท เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการฌาปนกิจศพ และจ่ายให้ผู้ได้รับบาดเจ็บรายละ 1 ล้านเรียว หรือราว 7,389 บาท
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงค้นหาร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งอาจจะจมอยู่ในแม่น้ำบาสัก ซึ่งเป็นแม่น้ำที่เชื่อมอยู่ระหว่างเกาะพิช (เกาะเพชร) พื้นที่จัดการแสดงคอนเสิร์ต และเป็นที่เกิดเหตุประชาชนเหยียบกันตายในช่วงหลังคอนเสิร์ตเลิก อีกทั้งยังคงมีรถพยาบาลวิ่งไปมาจากพื้นที่เกิดเหตุ และโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุว่า ผู้เสียชีวิตอาจเสียชีวิตจากกระแสไฟฟ้าช็อต ที่เกิดจากสายไฟเคเบิล และทางการยืนยันว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดไม่มีชาวต่างชาติร่วมอยู่ด้วย
เกิดเหตุเหยียบกันตายเมื่อคืนที่ผ่านมา ในกรุงพนมเปญนั้น มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 339 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 329 ราย โดยที่โรงพยาบาล คาลแม็ต ใจกลางกรุงพนมเปญนั้นแน่นขนัดไปด้วยผู้ได้รับบาดเจ็บ และบรรดาญาติมิตรผู้เสียชีวิตที่มารอรับศพกันอย่างเศร้าสลด ขณะที่โรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่พอ ต้องนำศพมาวางเรียงรายอยู่ตามทางเดิน
เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนสุดท้ายของเทศกาลประจำปี “บอน อม ตุค” ซึ่งเป็นเทศกาลเพื่ออำลาฤดูฝน จัดขึ้นนาน 3 วัน โดยเหตุเกิดขึ้นในคืนฉลองคืนสุดท้ายที่บริเวณสะพานเชื่อมเกาะเพชร ซึ่งอยู่กลางทะเลสาป “โตนเลสาบ” และเป็นที่จัดการแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งการเยียบกันตายเหตุเกิดขึ้นหลังจากที่การแสดงคอนเสิรตจบแล้ว และฝูงชนกำลังข้ามสะพานกลับบ้านกัน
การเหยียบกันตายเกิดขึ้นเมื่อประชาชนเริ่มผลัก และดันกันขึ้นไปบนสะพานข้าม ทำให้คนที่อยู่ตรงกลางเริ่มเป็นลมหมดสติ นาง โส เชียตา แม่ค้าขายน้ำอัดลม ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเล่าว่า มีคนราว 10 คนเป็นลมอยู่กลางสะพาน ขณะที่คนอื่นๆพยายามดันขึ้นมาบนสะพานมากขึ้น ทำให้เกิดการตกใจ และแตกตื่นกันหลายคนถูกเหยียบ ขณะที่บางคนตกลงไปในทะเลสาบ
ทางด้าน ฟิลลิป เฮแมนส์ ช่างภาพชาวสหรัฐวัย 27 ปี ซึ่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุหลังจากเกิดเหตุไปแล้วราวครึ่งชั่วโมงเล่าว่า บนสะพานดังกล่าว เต็มไปด้วยรองเท้า และร่างผู้เสียชีวิตนอนทับกันอยู่ ซึ่งขณะนั้น เขานับได้ราว 40 ศพ ขณะที่มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอยู่ในบริเวณนั้นราว 200 คน นอกจากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงชาวออสเตรเลียอยู่ตรงนั้นด้วย คอยช่วยเหลือตรวจเช็คชีพจรผู้ประสบภัยก่อนที่จะส่งขึ้นรถพยาบาลต่อไป
รายงานระบุว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุนั้น ในพื้นที่ก็ยังเต็มไปด้วยร่างผู้เสียชีวิต และคนเจ็บซึ่งกำลังถูกทยอยส่งไปยังโรงพยาบาล ขณะที่หลายคนก็พยายามมองหาว่ามีร่างผู้เสียชีวิตหลงอยู่ในน้ำบ้างหรือไม่
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปร่วมงานในคืนสุดท้ายนั้นมีอยู่ประมาณเท่าไหร่ ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดว่าตลอดทั้ง 3 คืน มีคนไปเที่ยวงานถึง 2 ล้านคนทีเดียว
ทางด้าน ฮุน คลา หนึ่งในผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุวัย 22 เล่าว่า ขณะนั้นเดินไปไหนไม่ได้ คนแน่นไปหมด และอากาศก็ร้อนมากทำให้ในที่สุดก็เป็นลมล้มลง ขณะที่ทางด้านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตที่เป็นสตรีมากถึง 240 คนทีเดียว
นายกรัฐมนตรี ฮุนเซ็น ของกัมพูชา ได้กล่าวว่า เหตุครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฎกรรมครั้งร้ายแรงที่สุดในกัมพูชานับตั้งแต่ยุคเขมรแดงทีเดียว พร้อมกับสั่งให้สอบสวนหาสาเหตุการเหยียบกันตายครั้งนี้อย่างเร่งด่วน และยืนยันว่าเหตุครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย
นอกจากนั้น ยังได้ประกาศให้วันพฤหัสฯนี้เป็นวันรำลึกให้กับผู้เสียชีวิตโดยจะมีการลดธงครึ่งเสา
ทั้งนี้ เกาะเพชร เป็นเกาะเล็กๆ กลางโตนเลสาป ในอดีตพื้นที่เกาะเพชรนั้นเคยเป็นสลัมมาก่อนที่รัฐบาลจะสั่งย้ายออกไป ซึ่งปัจจุบัน ธนาคารท้องถิ่นแห่งหนึ่งเป็นเจ้าของที่ดินบนเกาะทั้งหมด ได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ธุรกิจแห่งใหม่ มีทั้งศูนย์ประชุม ร้านอาหาร และเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็ก เป็นที่นิมมากสำหรับสตรีขาช็อบปิ้ง โดยในช่วงเทศกาลนี้ พ่อค้าแม่ค้าจะนำเสื้อผ้า และสินค้าลดราคามาขายกันจำนวนมาก


