posttoday

ท่องเที่ยวไทยอ่วมแน่ ทัวร์จีนหาย เที่ยวทั่วโลกซบเซา

22 มกราคม 2563

ก่อนที่การระบาดของไวรัสอู่ฮั่นจะขยายวงกว้างขนาดนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกก็มีแววไม่ดีมาก่อนหน้านั้นแล้ว

ก่อนที่การระบาดของไวรัสอู่ฮั่นจะขยายวงกว้างขนาดนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลกก็มีแววไม่ดีมาก่อนหน้านั้นแล้ว

เมื่อวันที่ 20 มกราคม องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) เปิดเผยในแถลงการณ์ว่า การท่องเที่ยวทั่วโลกชะลอตัวในปี 2562 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกซบเซา โดยเฉพาะในยุโรปที่เกิดความไม่แน่นอนจากกรณี Brexit การชะลอตัวทางเศรษฐกิจในตลาดสำคัญหลายแห่งเช่นเยอรมนี และการล่มสลายของบริษัทท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง "โทมัสคุก" และการประท้วงในฮ่องกงก็มีผลกระทบต่อเอเชียเช่น

เมื่อปีที่แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4.0% เป็น 1,5000 ล้านคน แม้จะเพิ่มขึ้นแต่มันเป็นอัตราเติบโตที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559

เทียบกับปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัว 6.0% และเพิ่มขึ้น 7.0% ในปี 2560 เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลับไปเที่ยวในแถบตุรกี อียิปต์ และแถบเมดิเตอเรเนี่ยนอีกครั้งหลังเกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองมานานหลายปี แต่แล้วการท่องเที่ยวก็สะดุดลงอีกเมื่อปีที่แล้ว

ส่วนในปีนี้ UNWTO คาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 3.0 % - 4.0% ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยและต่อยอดความซบเซาจากปีที่แล้ว ที่ยังมีการขยายตัวบ้างก็เพราะอานิสงส์จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น

สถานการณ์ในเอเชียน่าห่วง เมื่อปีที่แล้วจำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นเพียง 5.0% เมื่อเทียบกับ 7.0% ในปี 2561 เนื่องจากฮ่องกงเกิดการประท้วงทางการเมืองที่รุนแรง

ไม่เพียงเท่านั้น ตลาดเกิดใหม่หลายแห่งเช่นบราซิล จีน ซึ่งเป็นตลาดแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวลดลง

ในปีนี้สถานการณ์ในฮ่องกงเบาลงมาก แต่เกิดเรื่องใหญ่กว่าขึ้นมาแทน นั่นคือการระบาดของไวรัสอู่ฮั่นในประเทศจีน ลุกลามไปหลายประเทศรวมถึงไทย

การระบาดเกิดขึ้นในช่วงการเดินทางกลับภูมิลำเนาและการเดินทางของชาวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนพอดี ช่วงการเดินทางอพยพครั้งใหญ่เรียกว่า "ชุนยุ่น" มีจำนวนประชากรที่เคลื่อนที่ไปยังภูมิภาคต่างๆ ประมาณ 400 ล้านคน (ตัวเลขจากปีที่แล้ว)

"ชุนยุ่น" น่าจะมีส่วนสำคัญให้การระบาดกระจายอย่างรวดเร็ว เช่นในไทยผู้ติดเชื้อ 3 คน จากทั้งหมด 4 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจากอู่ฮั่น

การคมนาคมที่สะดวกสบายขึ้นในจีนก็มีส่วนทำให้การกระจายของโรคระบาดรวดเร็ว เช่นการโดยสารรถไฟความเร็วสูงที่ทำให้การคมนมระหว่างมณฑลที่เคยใช้เวลาหลายสิบชั่วโมง เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง ยังไม่นับสายการบินต้นทุนต่ำอีกมากมายช่วยให้นักท่องเที่ยวมีพลวัตในการเดินทางมากขึ้น ต่างจากเมื่้อครั้งที่โรคซาร์สระบาด การคมนาคมในจีนยังไม่สะดวกเท่านี้

สัปดาห์ที่การระบาดรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ "ชุนยุ่น" ชะงักในทันที บริษัทท่องเที่ยวประกาศให้ชาวจีนที่ไม่ต้องการจะเดินทางไปอู่ฮั่นในช่วงนี้สามารถแคนเซิลการเดินทางได้ฟรี ส่วนสำนักงานการบินและการรถไฟจีนไม่มีมาตรการแบบนี้แต่ก็จะพยายามช่วยเหลือลูกค้าที่ไม่ต้องการจะเดินทาง

ไม่ใช่เฉพาะแค่ในจีน สำนักข่าว Reuters ยังได้สัมภาษณ์ชาวจีนรายหนึ่งที่บอกว่าเตรียมจะเดินทางมายังภูเก็ตกับสามี แต่ตัดสินใจแคนเซิลตั๋วเรียบร้อยแล้ว และชาวจีนทีชื่อ Zhang Xinyuan รายนี้ยังบอกว่า เพื่อนๆ ของเธอีก 3 คนก็แคนเซิลทริปเช่นกัน และตัดสินใจจะอยู่บ้านเพราะกลัวโรคระบาด

ในช่วงที่ซาร์สระบาด ระหว่างปี 2545 - 2546 นักท่องเที่ยวจีนยังไม่ใช่เป้าหมายอันดับหนึ่งของไทย โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่อันดับที่ 3 จำนวน 797,976 คนเมือปี 2545 ส่วนในปีอยู่ในอันดับ 5 ที่ 606,635 ราย

กว่าที่นักท่องเที่ยวจีนจะกลายเป็นทัวริสต์อันดับ 1 ของไทย คือปี 2555 ที่ตัวเลขพุ่งขึ้นเป็นหลัก 2 ล้าน หลังจากนั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาลทุกปี ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน

เมื่อปีที่แล้วปัจจัยลบต่อการท่องที่ยวไทย คือค่าเงินบาทที่แข็งสุดขีด เศรษฐกิจจีนที่ซบเซา สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ แต่เดชะบุญที่ช่วงตรุษจีนปีที่แล้วเรายังมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากขึ้น และตลอดทั้งปี มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมาก

ตอนนี้ปัจจัยลบต่อการท่องเที่ยวไทยมากขึ้นกว่าเดิม ปัญหาเดิมๆ อย่างค่าเงินบาทที่แม้จะอ่อนค่าลง แต่ก็ยังถือว่าแข็งเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะจับจ่ายใช้สอยให้เกิดความรู้สึกคุ้มค่า

สงครามการค้าบรรลุข้อตกลงกันได้เฟสแรก แต่ไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าข้อตกลงนี้จะได้ผล หรือทรัมป์จะไม่เล่นงานจีนด้วยมาตรการอะไรอีก

เศรษฐกิจจีนยิ่งซบเซาลงยิ่งกว่าเดิม เมื่อปีที่แล้วเศรษฐกิจจีนทั้งปีโตที่ 6.1% นับเป็นการเติบโตที่น้อยที่สุดในรอบ 29 ปี

และปัจจัยลบที่ร้ายแรงที่สุดตอนนี้คือการระบาดของไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งอย่างที่เราเห็นกันแล้วว่าทำให้การเดินทางชะงัก แน่นอนว่า การเดินทางมาเที่ยวไทยก็ต้องน้อยลงไปด้วย

ยังไม่นับความรู้สึกของคนไทยที่เกิดความกลัวหรือไม่ได้มีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการระบาด อาจทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบต่อนักท่องเที่ยวชาวจีน หากเกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นจะกระทบต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกระเป๋าเงินกระเป๋าทองของอุตสาหกรรมเที่ยวไทย

ในระยะหลัง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยรู้สึกได้ว่าตลาดจีนกำลังเริ่มอ่อนแรงลง จึงหันมาให้ความหวังกับนักท่องเที่ยวจากอินเดียที่นิยมมาเที่ยวไทยมากขึ้น ถึงขนาดที่มีการเสนอมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย

แต่ต้องบอกว่าอย่าเพิ่งหวังกับอินเดียให้มากนัก เพราะปีนี้อินเดียก็อาจมาไม่มากเพราะเศรษฐกิจซบเซา

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) บอกกับเราแล้วว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้อ่อนแรงลงเพราะอินเดียอ่อนแรงลง ในบรรดาแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลกนั้ มีจีนกับอินเดียเป็นแรงผลักสำคัญ ตอนนี้ทั้ง 2 ประเทศอยู่ในฐานะที่ไม่ดีเหมือนกัน

แล้วตอนนี้การท่องเที่ยวจะหันมาพึ่งอะไรกันดี?