Citiponics Farm ฟาร์มผักยุคใหม่ใช้พื้นที่น้อย
สิงคโปร์มีพื้นที่น้อยแต่ใช้คุ้ม ดาดฟ้า 1,800 ตร.ม. ปลูกผักได้เดือนละ 4 ตัน
สิงคโปร์มีพื้นที่น้อยแต่ใช้คุ้ม ดาดฟ้า 1,800 ตร.ม. ปลูกผักได้เดือนละ 4 ตัน
แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศเล็กๆ มีทรัพยากรคือดินและน้ำอยู่อย่างจำกัด แต่ชาวสิงคโปร์กลับหันมาให้ความสนใจกับการปลูกผักรับประทานกันเองมากขึ้น
โดยมีโครงการสนับสนุนการปลูกผักทั่วประเทศจากรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบันมีชุมชนต่างๆ รวมตัวกันปลูกผักแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 กลุ่ม
สวนผักเหล่านี้จึงกลายเป็นความหวังของชาวสิงคโปร์ที่จะผลิตอาหารปลอดสารพิษรับประทานกันเอง ไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากแถบประเทศเพื่อนบ้าน
จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านไปราว 15 ปี สวนผักเหล่านั้นได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มผลผลิตและลดพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งลดการใช้น้ำซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศเพื่อนบ้านเราแห่งนี้
ที่สำคัญคือจากแปลงผักในชุมชนชานเมืองก็เริ่มขยับเข้าสู่ใจกลางเมืองจนกลายเป็น urban farming หรือการทำฟาร์มผักในเมือง เพื่อลดการขนส่ง
ถือเป็นการลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเหนืออื่นใดคือ เกษตรกรบางรายเริ่มหันมาใช้พื้นที่ดาดฟ้าของอาคารจอดรถเป็นฟาร์มผักกันมากขึ้น
หนึ่งในนั้นคือ Citiponics Farm ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1,800 ตร.ม. ของดาดฟ้าอาคารจอดรถในย่านอังมอเกียว หนึ่งในย่านที่มีประชากรหนาแน่นของสิงคโปร์ ฟาร์มดาดฟ้าแห่งผลิตผักใบเขียวได้ราว 4 ตันต่อเดือน เพียงพอเลี้ยงคนประมาณ 1,600 คน
ฟาร์มคนเมืองแห่งนี้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดด้วยการสร้างแปลงผักแนวตั้งสูงประมาณ 1.8 ม. โดยใช้ระบบพิเศษที่เรียกว่า Aqua Organic System (ระบบน้ำออร์แกนิค)
ที่ฐานของแต่ละแปลงจะมีแท็งก์ใส่น้ำสารอาหารของพืชเพื่อปั๊มส่งขึ้นไปตามท่อที่เชื่อมต่อกัน แล้วปล่อยให้น้ำไหลลงมายังท่อใส่ผักที่เรียงซิกแซกสลับกันทั้ง 7 ชั้น โดยน้ำสารอาหารที่เหลือก็ยังนำกลับมาใช้ซ้ำอีก จนแทบจะไม่มีการทิ้งของเสียใดๆ ให้เป็นภาระของโลก
ทั้งยังปลอดภัยสำหรับทั้งคนปลูกและคนกินเนื่องจากไม่มียาฆ่าแมลงเลย
ระบบ Aqua Organic System ถูกคิดค้นและพัฒนาโดย เตียวฮวาก็อก เจ้าของ Citiponics Farm วัย 58 ปี ที่อยู่ในวงการที่เกี่ยวข้องกับการทำการเกษตรมายาวนาน
แต่เขาไม่ได้เริ่มจากการเป็นเกษตรกร เตียวฮวาก็อก เป็นชาวมาเลย์ที่ย้ายมาอยู่ที่สิงคโปร์เมื่อ 33 ปีที่แล้วเพื่อทำงานในบริษัทขายยาฆ่าแมลง 6 ปี
จากนั้นก็ลาออกมาเปิดร้านขายส่วนประกอบที่ใช้ผลิตยาฆ่าแมลงของตัวเอง
แต่ยิ่งได้เห็นการใช้ยาฆ่าแมลงแบบผิดๆ ของเกษตรกรหลายๆ ครั้ง ก็ทำให้เขาตัดสินใจหันมาทำฟาร์มออร์แกนิคทันที เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่สินค้าที่ตัวเองขายส่งผลกระทบกับสุขภาพผู้บริโภค
ปี 2001 เตียวฮวาก็อก ลงทุนกลับไปปลูกผักผักออร์แกนิคที่มาเลเซีย แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ในอีก 2 ปีต่อมา เนื่องจากตอนนั้นผู้บริโภคยังไม่พร้อมจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อผักปลอดสารพิษ
จนเมื่อ 11 ปีที่แล้ว เตียวฮวาก็อก ตัดสินใจลองปลูกผักออร์แกนิคอีกครั้ง
ครั้งนี้เขากลับมาในจังหวะเวลาที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับการเลือกรับประทานผักปลอดสารพิษกันในวงกว้าง
จนปัจจุบันนี้ระบบ Aqua Organic System ดังไปไกลถึงมาเลเซียและจีนแล้ว
นอกจากนี้ ฟาร์มดาดฟ้าแห่งนี้ยังเอื้อเฟื้อต่อชุมชนรอบข้าง โดยการจ้างงานให้ผู้สูงอายุเข้าไปทำงานในแปลงผัก
และยังเปิดรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อบ่มเพาะทักษะการทำฟาร์มคนเมืองและปลูกฝังความสนใจด้านเทคโนโลยีสีเขียวให้กับคนรุ่นใหม่
นับเป็นการพลิกโฉมการทำการเกษตรผ่านการบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และน่าจะเป็นแบบอย่างให้คนกรุงอย่างเราๆ โดยเฉพาะชาวคอนโดที่มีพื้นที่จำกัดลุกขึ้นมาปลูกผักกินกันเองบ้าง
ภาพ : www.citiponics.com


