ความตายของมาเรียมจะไม่สูญเปล่า กับโปรเจกต์กวาดขยะมหาสมุทรด้วยแขนยักษ์
สลัตตั้งเป้าว่าจะกำจัดขยะในมหาสมุทรแปซิฟิกให้ได้ 42% หรือราว 70 ล้าน กก.ภายใน 10 ปี โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียง 167 บาทต่อ กก. นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่น
แต่ละปีมนุษย์ทิ้งขยะพลาสติกกว่า 300 ล้านตัน ขยะแต่ละชิ้นที่ถูกทิ้งลงทะเลจะใช้เวลากว่า 50 ปีล่องลอยไปอยู่กลางมหาสมุทร นกทะเลและสัตว์น้ำต้องตายเพราะผลกระทบจากขยะเหล่านี้นับล้านๆ ตัว
นอกจากนี้ ในมหาสมุทรแปซิฟิกยังมีกองขยะลอยมารวมตัวกันเป็นฟ่อนใหญ่ ขนาดเท่ากับมลรัฐที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ คือเทกซัส เรียกว่า “อภิมหาฟ่อนขยะแห่งแปซิฟิก” หรือ Great Pacific Garbage Patch แม้ว่ามันจะใหญ่โตมโหฬารจนเก็บกันไม่ไหว แต่ใช่ว่าจะไม่มีคนที่กล้าหาญมารับภารกิจนี้
เขาคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีแรงบันดาลใจอยากจะเห็นท้องทะเลสะอาด ผลักดันให้เขาประดิษฐ์ไม้กวาดเก็บขยะซึ่งกำลังจะกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์ลอยน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังจะแก้ไขปัญหาที่บรรดานักวิทยาศาสตร์พยายามหาทางแก้กันมาตลอด แต่ก็ยังแก้ไม่สำเร็จเสียที
ในปี 2011 โบยัน สลัต นักศึกษาวิศวกรรมอากาศยานวัย 16 ปี จากเนเธอร์แลนด์ ได้ไปท่องเที่ยวที่ชายทะเลประเทศกรีซ ขณะที่กำลังสนุกกับการดำน้ำอยู่นั้น เขาสังเกตว่าจำนวนปลาในทะเลแห่งนี้น้อยกว่าขยะพลาสติกที่ลอยอยู่เหนือน้ำเสียอีก
สลัตเก็บเรื่องนี้มาเป็นแรงผลักดันในการหาวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อกำจัดขยะพลาสติกในทะเลให้ได้มากที่สุด เขาลงมือศึกษามหาสมุทรทั้งทางกายภาพ สิ่งแวดล้อม และสิ่งมีชีวิตอย่างจริงจัง สลัต พบว่าวัตถุในมหาสมุทร เช่น ขยะ หรือแพลงก์ตอน จะล่องลอยไปกับวังวนของน้ำ (Gyres) ที่เกิดจากกระแสลม กระแสน้ำ และสภาพภูมิประเทศ
นอกจากอุปสรรคเรื่องจำนวนขยะพลาสติกที่มหาศาลแล้ว กระแสน้ำทะเลที่ไม่เคยหยุดนิ่งยังพัดพาขยะเหล่านี้ไปเกยตื้นที่ชายหาด และพัดพามันกลับใจกลางมหาสมุทรสู่วังวนน้ำอีกครั้ง ทำให้ขยะไม่ได้กองอยู่กับที่ให้เราเก็บกวาดได้ง่ายๆ บางครั้งอุปกรณ์เก็บขยะกลับทำลายระบบนิเวศน์ในทะเลซ้ำอีก เช่น ทำให้นก ปลา และเต่าทะเลตาย
แต่สิ่งหนึ่งที่หนุ่มแคนาดาสังเกตเห็นจากขยะจากทั่วทุกมุมโลกคือ ขยะจำนวนมหาศาลนี้ลอยน้ำเหมือนกัน โดยทุกชิ้นจะลอยไปหยุดที่ Gyres และหยุดนิ่งเป็นแพขยะ (Ocean Garbage Patches) ใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิกจุดใหญ่ 2 จุดใกล้กับชายฝั่งของฮาวายและญี่ปุ่น
แพขยะนี้มีขนาดพอๆ กับรัฐเทกซัสของสหรัฐและเริ่มมองเห็นได้จากนอกโลกแล้ว โดยเมื่อถูกแสงแดดแผดเผาขยะจำพวกพลาสติก โฟม จะค่อยๆ แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและปล่อยสารพิษเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในทะเล
วิธีทำความสะอาดมหาสมุทรของสลัต คือ สร้างทุ่นลอยน้ำพร้อมกับแขนรูปตัววีความยาว 100 กม. แล้วอาศัยกระแสลมกับน้ำช่วยพัดพาขยะเข้ามาติดที่แขนทั้งสองข้างโดยปล่อยให้สัตว์น้ำลอดผ่านแขนนี้ไปได้ เขาตั้งเป้าว่าจะกำจัดขยะในมหาสมุทรแปซิฟิกให้ได้ 42% หรือราว 70 ล้าน กก.ภายใน 10 ปี โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียง 167 บาทต่อ กก. นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่น
ปี 2013 สลัต ตัดสินใจพักการเรียนเพื่อมาก่อตั้งองค์กร The Ocean Cleanup อย่างเป็นทางการ
อีก 1 ปีต่อมา ไม้กวาดกำจัดขยะรุ่นทดสอบที่ สลัต และเพื่อนๆ นักวิทยาศาสตร์ร่วมกันประดิษฐ์ขึ้นมาก็สำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง และถูกนำไปลอยเก็บขยะใกล้กับเกาะอาโซเรสในประเทศเนเธอร์แลนด์ ปรากฏว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย หลังจากนั้น นักลงทุนจากทั่วโลกร่วมระดมทุนให้กับโครงการนี้ถึง 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในระยะเวลาเพียง 100 วันเท่านั้น
ในที่สุด พวกเขาก็เปิดตัวเรือเก็บกวาดขยะอย่างเต็มรูปแบบ โดยเรือลำนี้จะลาก “แขน” ความยาวถึง 600 ม. ซึ่งจะทำหน้าที่กวาดขยะบนผิวน้ำลึก 3 เมตรมารวมกัน โดยไม่เป็นอันตรายกับสัตว์ใต้น้ำ ช่วยให้ขยะอยู่เป็นที่เป็นทางก่อนจะกำจัดมันในที่สุด โดยอัตราความเป็นไปได้ที่อุปกรณ์จะได้รับความเสียอยู่ที่ 30% ทั้งนี้ มรสุมขนาดย่อมของทะเลเหนือมีความรุนแรงมากกว่ามรสุมที่มีความรุนแรงสูงในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มักจะเกิดขึ้นทุกๆ 100 ปี
แต่ไม่ใช่ว่า The Ocean Cleanup จะไม่มีปัญหา หลังจากดำเนินการครั้งแรกในปี 2018 ด้วยระบบแรก หรือ SYSTEM 001 ไปได้ 4 เดือนก็ต้องาพเรือมาจอดเทียบท่าเพื่อประเมินกันใหม่ แต่สลัตและทีมงานได้ปรับปรุงและพร้อมที่จะทำงานหนักอีกครั้งด้วย SYSTEM 001B ในปี 2019 และพบว่าการเก็บกวาดไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเล
ในระดับต่อไปจะเริ่มปฏิบัติการอีกขั้นปี 2020 โดยขับเคลื่อนด้วยกองเรือเต็มรูปแบบ หากไม่มีอะไรผิดพลาดภายในปี 2040 พวกเขาจะลดขยะในมหาสมุทรลงได้ถึง 90%
สลัตบอกว่า การเก็บขยะในทะเลอย่างเดียวไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา เพราะวิธีการแก้ไขมี 2 อย่างนั่นคือการเก็บกวาดกับการปิดช่องทาง ซึ่งการปิดช่องทาง ก็คือสกัดกั้นการทิ้งขยะลงในทะเล


