posttoday

ไต้หวันทุ่มงบเต็มที่หนุนคนหนุ่มสาวทำเกษตรแก้ปัญหาชาวนาสูงวัย

03 กรกฎาคม 2562

ปัญหาเกษตรกรสูงวัยไม่ใช่แค่ไทยที่ประสบ

ปัญหาเกษตรกรสูงวัยไม่ใช่แค่ไทยที่ประสบ

ไต้หวันตั้งอยู่บนเกาะขนาดไม่ใหญ่ แต่มีประสิทธิภาพในการทำการเกษตรสูงมาก ทั้งยังมีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลายในแต่ละพื้นที่ และมีเทคโนโลยีทางการเกษตรที่ค่อนข้างทันสมัย มีการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมบูรณาการร่วมกับสถาบันวิจัยเกี่ยวกับการเกษตรทั้ง 16 แห่งทั่วประเทศ ร่วมกับมหาวิทยาลัยและกรมอุตุนิยมวิทยาให้ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับเกษตรกร ส่งผลให้ภาคการเกษตรของไต้หวันมีมูลค่าสูงถึงปีละเกือบ 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี หรือคิดเป็น 1.8% ของจีดีพี

จุดเด่นของรัฐบาลคือ การรับมือกับภัยธรรมชาติทั้งใต้ฝุ่นและแผ่นดินไหว รัฐบาลจะให้เกษตรกรทำประกันความเสียหายโดยรัฐจะสนับสนุนค่าประกันภัยให้ครึ่งหนึ่ง หรือหากผลผลิตเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ทางการจะส่งโดรนเข้าสำรวจพื้นที่เพื่อประเมินความเสียหายแล้วรีบจ่ายเงินเยียวยาเพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วที่สุด

อย่างไรก็ดี ไต้หวันก็เผชิญปัญหาเช่นเดียวกับไทยและถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศคือ เกษตรกรส่วนใหญ่เริ่มมีอายุมากขึ้น คือประมาณ 62 ปีขึ้นไป ทำให้ประชากรภาคการเกษตรมีแนวโน้มลดลง ขาดผู้สืบทอดอาชีพ เนื่องจากลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่สนใจทำการเกษตร แต่รัฐบาลไต้หวันก็ได้พยายามอย่างหนักในการส่งเสริมกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เข้าสู่ภาคการเกษตร เพื่อให้ภาคการเกษตรของประเทศดำเนินไปอย่างราบรื่นผ่านนโยบายต่างๆ

เมื่อเร็วๆ นี้โพสต์ทูเดย์ได้รับเชิญจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลินเจียหรง รองอธิบดีสภาเกษตรไต้หวันฝ่ายกิจการต่างประเทศ  (COA) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  เมื่อถามว่าไต้หวันมีวิธีจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาทำการเกษตรอย่างไร หลินเจียหรงเผยว่า คนรุ่นใหม่ต้องการ 4 ปัจจัยเพื่อเข้าสู่ภาคการเกษตร ได้แก่ ที่ดิน เงินทุน ความรู้ และความเชื่อมั่นและการยอมรับจากคนรอบข้าง

ในส่วนของที่ดินนั้น หลินเจียหรง กล่าวว่า  รัฐบาลร่วมมือกับสมาคมเกษตรกรจัดตั้ง Farmland Bank (ธนาคารไร่นา) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของพื้นที่เพาะปลูก เพิ่มขนาดพื้นที่เกษตรกรรม รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรสูงวัยปล่อยให้เช่าที่นาเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงแทน โดยรัฐบาลจะปล่อยเงินกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำมากๆ หรือไม่คิดดอกเบี้ย ดึงดูดให้กลุ่มเจนเนอเรชั่นใหม่เข้าลงทุนในภาคการเกษตร

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญให้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ด้วยการจัดตั้ง Farmers’ Academy เพื่อฝึกฝนอบรมความรู้ด้านการเกษตร รวมทั้งจัดเตรียมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำแก่เกษตรกรหน้าใหม่โดยตรงแบบหนึ่งต่อหนึ่ง หากมีปัญหาก็สามารถต่อสายถามผู้เชี่ยวชาญได้ทันที  ในด้านการสร้างความเชื่อมั่นนั้น รัฐมนตรีเกษตรและผู้เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่พูดคุยกับเกษตรกรรุ่นใหม่ผ่าน Young Farmer’s  Club ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศทุกสัปดาห์ เพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนความคิดหันมาทำการเกษตรเพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตรของไต้หวัน และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศในอนาคต

การสนับสนุนข้างต้นของรัฐบาลส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดความมั่นใจที่จะละทิ้งหน้าที่การงานที่มั่นคงในเมืองหลวงหวนกลับคืนสู่ท้องถิ่นของตัวเองเพื่อสืบทอดการทำการเกษตรต่อจากรุ่นพ่อแม่

นอกจากนี้ รัฐบาลยังส่งเกษตรกรรุ่นใหม่และผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรลงพื้นที่ศึกษาดูงานทั้งในมาเลเซีย เวียดนาม รวมทั้งไทย เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างเกษตรกรรุ่นใหม่ของไต้หวันกับประเทศในอาเซียน ตามนโยบาย New Southbound Policy หรือนโยบายมุ่งใต้ใหม่ ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่เหล่านี้ได้สั่งสมประสบการณ์และมองเห็นช่องทางการขยับขยายธุรกิจอันจะยังประโยชน์ให้กับทั้งไต้หวันและประเทศพันธมิตรในอาเซียน

ข่าวล่าสุด

ทรู-ดีแทค ชูแคมเปญ "UP สัญญาณ UP ความสุข" ยกระดับ 5G สู่มาตรฐานโลก