posttoday

จงฮุ่ยเจวียน ครูเคมีที่กลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในเอเชีย

18 มิถุนายน 2562

เพื่อสร้างบริษัทเธอย้ายมาอยู่ในกระท่อมโทรมๆ เพื่อประหยัดเงิน ต้องนั่งรถบัสไปทำงาน ถ้าไม่มีพนักงานที่มีฝีมือเธอก็จะจ้างเด็กฝึกงานแล้วสอนทำงานกันจริงๆ

 

ปีนี้มีเซอร์ไพร์สในการจัดอันดับดัชนีมหาเศรษฐีโลกโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก หรือ Bloomberg Billionaires Index เพราะในท่ามกลางมหาเศรษฐีหน้าเก่าๆ มีคนหน้าใหม่แทรกตัวเข้ามาโดยที่เบียดแชมป์เก่าจนตกจากอันดับกันเป็นแถวๆ

คนๆ นี้คือนักธุรกิจหญิงจีน ชื่อ จงฮุ่ยเจวียน เจ้าของบริษัท Hansoh Pharmaceutical Group ผู้ผลิตยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทรายใหญ่ที่สุดของจีน

เมื่อ 2 วันก่อน จงฮุ่ยเจวียนยังเป็นเจ้าของบริษัทยาที่ไม่มีใครรู้จัก แต่หลังจากนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อวันศุกร์ ราคาหุ้นก็พุ่งพรวดถึง 37% สวนทางกับสถานการณ์อันวุ่นวายในฮ่องกง และนี่เป็นสาเหตุให้จงฮุ่ยเจวียน กลายมหาเศรษฐีหญิงที่รวยที่สุดในเอเชียจากการสร้างตัวเองโดยไม่ได้รับมรดกจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ มีทรัพย์สินถึง 10,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

ที่น่าทึ่งก็คือ จงฮุ่ยเจวียนเริ่มต้นมาจากอาชีพครูสอนวิชาเคมีในโรงเรียนมัธยม แต่ไต่เต้าขึ้นมาเป็นนางพญาเอเชีย เธอใช้เวลาถึง 20 ปีเริ่มจากอาชีพครู มาเป็นเจ้าของกิจการที่มุ่นเน้นการวิจัยและพัฒนา และปั้นมันขึ้นมาจนกลายเป็นบริษัทที่ผลิตยารักษามะเร็งรายใหญ่อันดับต้นๆ ของจีน

จงฮุ่ยเจวียนเป็นคนมณฑลเจียงซู เกิดที่เมืองเหลียนหยุนกัง จบการศึกษาด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยครูแห่งเจียงซู จากนั้นกลับมาเป็นครูสอนวิชาเคมีที่โรงเรียนมัธยมต้นเหยียนอัน ในเมืองบ้านเกิด หลังจากนั้นไม่กี่ปี จงฮุ่ยเจวียนก็ออกจากงานสอนหนังสือมาตั้งบริษัท Hansoh หรือ ฮั่นเซิน ในภาษาจีน เมื่อปี 1995 แต่หลังจากนั้นเราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเธอมากนัก

สื่อในจีนระบุว่า จงฮุ่ยเจวียนเป็นคนที่โลว์โปรไฟล์อย่างมาก ซึ่งหมายความว่าเราแทบจะไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับเธอเลย ยกเว้นข้อมูลพื้นฐานข้างต้น เว็บไซต์เสวี่ยฉิวในจีนรายงานว่า จงฮุ่ยเจวียน แทบไม่เคยไปร่วมงานประชุมที่เกี่ยวข้องกับคนในวงการอุตสาหกรรมยา หรือเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ และมีรายงานของสื่อเกี่ยวกับเธอเพียงน้อยนิด จากการตรวจสอบของโพสต์ทูเดย์ผ่านเสิร์ชเอ็นจินแทบไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเธอเลยในภาษาจีน

อย่างไรก็ตาม เราพบข้อมูลของเธอจากคำประกาศสดุดีผู้ได้รับรางวัลจากสมาพันธ์สตรีแห่งเจียงซู เมื่อปี 2007 ในปีนั้นผลงานของบริษัท Hansoh ก็โดดเด่นมากแล้ว เพราะใช้เวลาเพียง 12 ปีหลังการก่อตั้งก็กลายเป็นผู้ผลิตยาชั้นนำของประเทศ โดยติดอันดับผู้ผลิตยา 1 ใน 50 อันดับแรกของจีนมาตั้งแต่ปี 2003

บทความระบุว่า จงฮุ่ยเจวียนเป็นครูที่โรงเรียนมัธยมต้นเหยียนอัน แต่การเป็นครูที่มีชีวิตราบเรียบไม่ใช่เป้าหมายของเธอ จงฮุ่ยเจวียนจึงเริ่มมองหาโอกาสใหม่ๆ ในชีวิต ในช่วงปี 1995 หลังจากเกิดปรากฎการณ์ทางธุรกิจในจีน เธอจึงสลัดจากตัวคอมฟอร์ตโซนโดยไม่สนใจสายตาของชาวบ้าน เพราะอาชีพครูถือว่ามีความมั่นคงระดับหนึ่ง

ภาษาจีนมีคำว่า "หม้อข้าวเหล็ก" หรือ เถี่ยฟ่านหวั่น (铁饭碗) แปลว่าการมีอาชีพการงานที่มั่นคง แบบที่ทำกันไปได้ทั้งชีวิต ในสายตาของชาวจีนก็คืองานข้าราชการ สิ่งที่จงฮุ่ยเจวียนทำคือการทุบหม้อข้าวตัวเองในสายตาชาวบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายและน่าตกตะลึงพอสมควร

หลังจากเริ่มธุรกิจยา ตอนแรกบริษัทมีพนักงานแค่ 10 คน มีผลิตภัณฑ์แค่อย่างเดียว เพื่อที่จะสร้างบริษัทให้มั่นคง เธอต้องหยุดงานในบ้านทั้งหมด ส่วนบ้านที่คุ้มหัวก็เปลี่ยนมาเป็นกระท่อมโทรมๆ เพื่อประหยัดเงิน ต้องนั่งรถบัสไปทำงาน เวลาจะซื้ออุปกรณ์ในบริษัทก็ต้องประหยัดเงินสุดๆ ถ้าไม่มีพนักงานที่มีฝีมือ เธอก็จะจ้างเด็กฝึกงานแล้วสอนทำงานกันจริงๆ จังๆ กันเดี๋ยวนั้นเลย ปัญหาอีกอย่างคือยังไม่มีตลาด เธอก็จะพาทีมงานขึ้นเหนือล่องใต้ ไปตะวันออกล่องตะวันตกเพื่อหาตลาดให้กับผลิตภัณฑ์

จงฮุ่ยเจวียนทุ่มเทวิจัยตลาด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ และศึกษานโยบายภาครัฐอย่างละเอียด เพื่อหาโอกาสในการผลักดันตัวเอง ส่วนพนักงานต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อทำการทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่านับร้อยๆ ครั้ง ทำงานติดต่อกันถึง 3 เดือนจนสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ สำเร็จ แม้จะประสบกับความยากลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาทำให้ชื่นใจ เพราะบริษัทได้รับรางวัลจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่ออกมาในปี 1997 คือ เหม่ยฟง ทำรายได้ถึง 30 ล้านหยวนในปีนั้น และกลายเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ทำรายได้ถึงปีละ 100 ล้านหยวนต่อปี

บทความของสมาพันธ์สตรีแห่งเจียงซูเปรียบไว้อย่างเห็นภาพว่า "หากจะเปรียบเทียบ Hansoh กับต้นไม่สูงใหญ่ นวัตกรรมของบริษัทเหมือนกับราก, เทคโนโลยีเหมือนกับใบ, และผลที่ได้คือผลของต้นไม้ การที่ต้นจะให้ใบหนา มีดอกบานสะพรั่ง และผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะต้องมีรากที่มั่นคง มีแต่นวัตกรรมเท่านั้นที่จะทำให้ Hansoh เติบโตอย่างยั่งยืน"

ด้วยปัจจัยเหล่านี้เอง Hansoh จึงกลายเป็นม้ามืดในวงการอุตสาหกรรมยาของจีน

แต่ความสำเร็จอาจเป็นกับดักได้ และจงฮุ่ยเจวียนรู้ดีว่าความท้าทายขงอบริษัทคือการติดอยู่กับที่ ดังนั้นเธอจึงผลักดันการวิจัยและพัฒนาอย่างเต็มที่ โดยปันรายได้ของบริษัทมากถึง 5% มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะยารักษามะเร็ง รักษาเนื้องอก ยาปฏิชีวนะ อันเป็นจุดแข็งของบริษัทนี้ และได้เวชภัณฑ์ใหม่ถึง 40 รายการที่ได้รับการรับรองจากภาครัฐ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังนำไปใช้ถึง 6 รายการ

นี่เป็นข้อมูลจากปี 2007 หลังจากนั้นเราไม่ทราบอะรไมากนัก แต่ที่แน่ๆ คือ จงฮุ่ยเจวียนกลายเป็นมหาเศรษฐีหญิงสร้างตัวที่รวยที่สุดในเอเชียไปแล้ว ดังนั้นเราจึงอนุมานได้ว่าในช่วง 10 กว่าปีหลังจากนั้น Hansoh ประสบความสำเร็จมากมายเพียงใด

จงฮุ่ยเจวียนอาจจะสร้างตัวเอง แต่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จเธอไม่ได้เดินตามลำพัง

เป็นเรื่องบังเอิญระดับหมื่นล้าน เพราะสามีของเธอก็ทำธุรกิจเวชภัณฑ์เช่นกัน เขาคือ ซุนเพียวหยาง ซึ่งซื้อรัฐวิสาหกิจผลิตยาของรัฐมาดำเนินการเองในปี 1990 นั่นคือ Jiangsu Hengrui Medicine ซึ่งวันนี้คือผู้ผลิตยาปฏิชีวนะและยารักษาโรคมะเร็งรายใหญ่ที่สุดของจีน

สื่อจีนจึงขนานนามคนทั้งคู่ว่า "เป็นคู่สามีภรรยาแห่งวงการเวชภัณฑ์"

ภาพ HKEX

อ้างอิง

Jiāngsū shěng fùlián. (10 September 2007). Zhōnghuìjuān: Shìyè zhī huā zài chuàngxīn zhōng nùfàng. Rénmín wǎng. http://www.people.com.cn/GB/99013/99055/6241882.html

Venus Feng (15 June 2019). Ex-Chemistry Teacher Becomes Richest Self-Made Woman in Asia. Bloomberg. https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-06-14/ex-chemistry-teacher-becomes-richest-self-made-woman-in-asia?fbclid=IwAR0D3fSWv3RvOrFeNMGvxS7WOw9XPyKA4MWrPrusvcR1-_Pj9-buS6G617g

Forbes China. (20 May 2019). Sūn piāoyáng hé zhōnghuìjuān, yīyào hángyè zuì qiáng fūqī dàng. Forbes China. http://www.forbeschina.com/business/560