posttoday

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

22 กุมภาพันธ์ 2562

รู้จักกับมหาวิทยาลัยชิงหัว แหล่งรวมตัวของเด็กระดับหัวกะทิของจีน

รู้จักกับมหาวิทยาลัยชิงหัว แหล่งรวมตัวของเด็กระดับหัวกะทิของจีน

หลังจากครองแชมป์มาหลายปี ในที่สุด มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ NUS ก็ร่วงจากอันดับที่ 1 ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Times Higher Education แล้วหลีกทางให้กับ ม.ชิงหัว แห่งประเทศจีน พร้อมกันนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยในจีนติดอันดับต้นๆ อีกเพียบ เช่น ม.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง ในอันดับที่ 4 ม.ฮ่องกง อันดับที่ 5 ม.ปักกิ่ง อันดับที่ 6 และ ม.จีนแห่งฮ่องกง อันดับที่ 9

หลายคนอาจจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ม.ชิงหัว กันมาบ้างแล้ว แต่วันนี้เราจะนำเสนอข้อมูลเบื้องลึกที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษาอันดับ 1 แห่งเอเชียแปซิฟิก

 

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

1. ชิงหัวตั้งขึ้นได้เพราะน้ำใจสหรัฐ

หลังราชวงศ์ชิงถูกกองทัพพันธมิตรแปดชาติสยบ ฐานเข้าข้างกบฏนักมวย (อี้เหอถวน) ซึ่งต่อต้านและสังหารคนต่างชาติ ราชวงศ์ชิงต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้กับพันธมิตรทั้ง 8 โดยจ่ายให้สหรัฐ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ จอห์น เฮย์ ทูตสหรัฐ เห็นว่าเป็นเงินมากเกินไป จึงเสนอต่อ ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ซึ่งเสนอเรื่องต่อและได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสให้ลดเงินปฏิกรรมสงครามลง 10.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเงื่อนไขว่าราชวงศ์ชิงต้องนำเงินนี้เป็นทุนการศึกษาให้นักศึกษาจีนมาเรียนต่อที่สหรัฐ เงินดังกล่าวจึงถูกนำมาก่อตั้งวิทยาลัยชิงหัว (ชิงหัว เสวียถัง) เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 1911

 

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

2. รากฐานอยู่ที่อุทยานราชวงศ์ชิง

ที่ตั้งแรกเริ่มของมหาวิทยาลัยคือ อุทยานซีชุน (ปัจจุบันคือสวนชิงหัว) พระเจ้าคังซีพระราชทานอุทยานนี้ให้กับ เฉิงจวิ่นหวาง พระราชโอรส และเดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวนฝั่งตะวันออก จึงเรียกว่า อุทยานตะวันออก ในช่วงสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 กองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษทำลายอุทยานแห่งนี้เสียหายบางส่วน จนกระทั่งหลังกบฏนักมวย รัฐบาลชิงได้ยึดอุทยานแห่งนี้มาเป็นของหลวง แล้วปล่อยทิ้งร้างไว้ จนกระทั่งมอบพื้นที่ให้เป็นวิทยาลัยชิงหัว ปัจจุบัน ม.ชิงหัว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในปักกิ่ง เพราะความงดงามของอุทยานซีชุนนี่เอง แต่มีข้อมูลว่า ทางมหาวิทยาลัยห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปเยี่ยมชมแล้ว

 

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

 

3. เคยย้ายหนีสงครามไปถึงภาคใต้

ช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น ม.ชิงหัว ย้ายหนีการรุกรานของญี่ปุ่นไปยังภาคใต้ ตอนแรกปักหลักที่เมืองฉางซา จากนั้นไปอยู่ที่เมืองคุนหมิง และทำให้คุนหมิงกลายเป็นศูนย์กลางการรวมตัวกันของนักวิชาการชาวจีนจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้คุนหมิงมีความรุ่งเรืองทางวิชาการอย่างมาก และยังส่งอิทธิพลให้กับ ม.ครูหยุนหนาน และ ม.หยุนหนาน มีความเป็นเลิศทางวิชาการมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาหลังญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม ชาวชิงหัวย้ายกลับไปที่กรุงปักกิ่งเช่นเดิม แต่จีนกลับเผชิญกับสงครามกลางเมืองต่อจากนั้น ทำให้อาจารย์จำนวนหนึ่งหนีลงใต้ไปยังหนานจิง และหนีไปยังไต้หวัน แยกมาตั้ง ม.ชิงหัวแห่งชาติขึ้นที่นั่น

 

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

4. ศูนย์กลางความวุ่นวายยุคปฏิวัติ

หลังพรรคคอมมิวนิสต์กุมอำนาจ ได้กำหนดให้ชิงหัวเป็นมหาวิทยาลัยในสายวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้ชิงหัวเป็นสถาบันสายวิจัยที่แข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ แต่ช่วงเวลาอันดำมืดที่สุดของสถาบันติดตามมาไม่นานหลังจากนั้น ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม อาจารย์บางส่วนและนักศึกษาของชิงหัวเป็นแกนหลักที่ผลักดันขบวนการต่อต้านวัฒนธรรมแบบเก่า ค่านิยมแบบเก่า รวมถึงกลุ่มอำนาจเก่าในพรรคคอมมิวนิสต์ กลายเป็นศูนย์กลางของการปลุกระดมโค่นล้มสังคมแบบเก่าที่กลายเป็นหายนะยาวนานถึงกว่าทวรรษ ในเวลานี้มหาวิทยาลัยถูกปิดไปโดยปริยาย เพราะอาจารย์ถูกนำตัวมาประจาน หรืองานวิชาการต่างๆ ถูกโจมตีว่าเป็นปฏิปักษ์ของการปฏิวัติ

 

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

 

5. ยุครุ่งเรืองหลังการเปิดประเทศ

ชิงหัวกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง หลังสิ้นสุดกระแสปฏิวัติวัฒนธรรม และตามด้วยนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศของ เติ้งเสี่ยวผิง และหลังจากนั้นมหาวิทยาลัยขยายขอบข่ายการศึกษาจากวิทยาศาสตร์มาเป็นสายสังคมศาสตร์มากขึ้น เช่น คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารและการจัดการรัฐกิจ คณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการ โดยเฉพาะคณะหลังตั้งมาตั้งแต่ปี 1926 แต่ปิดไปหลังระบอบคอมมิวนิวต์ แต่เปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อรับการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยมี จูหรงจี อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคณบดีคนแรก

 

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

 

6. ศิษย์เก่าระดับหัวกะทิของประเทศ

ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีกลุ่มที่เรียกว่า Tsinghua clique หรือกลุ่มชิงหัว ซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงรุ่นที่ 4 ของจีน ล้วนแต่จบจาก ม.ชิงหัว ผู้นำกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับระบอบสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน ตามแนวทางที่เติ้งเสี่ยวผิงได้วางไว้ ผู้นำกลุ่มนี้ เช่น หูจิ่นเทา จูหรงจี สีจิ้นผิง หวางฉีซาน หลิงเหยียนตง และ หลินเหวินอี คนเหล่านี้เป็นทั้งประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองชั้นนำในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีศิษย์เก่าสายอื่นๆ เช่น ซุนหงปิน มหาเศรษฐีชาวจีน จ้าวจิ่วจาง ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอวกาศของจีน เฝิงโหย่วหลัน นักปรัชญายุคใหม่ เฉียนจงซู นักเขียนผู้โด่งดัง

7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย

 

7. ชิงหัวเป็นสมาชิกของ C9 League

C9 League หรือสันนิบาต C9 เป็นการรวมตัวของมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนแผ่นดินใหญ่ 9 แห่ง เป็นกลุ่มที่ผลิตงานวิจัย 3% ของประเทศ มีงานวิจัยตีพิมพ์รวมกัน 30% และมีการอ้างอิงในอัตราส่วน 30% ถือเป็น Ivy League ของจีนเลยทีเดียว การรวมตัวกันนี้เป็นผลมาจากการผลักดันขึ้นโดยรัฐบาลจีนเมื่อปี 1998 เพื่อสร้างมาตรฐานงานวิจัยของมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในการจัดอันดับระดับโลก ชิงหัวอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก และอันดับที่ 1 ของเอเชียแปซิฟิก

ที่มาภาพ Yaoleilei, Charlie fong, Emcc, gongfu_king - DSC_3748 ,World Economic Forum, tsinghuajournals.org

 

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ