7 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมหา’ลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย
รู้จักกับมหาวิทยาลัยชิงหัว แหล่งรวมตัวของเด็กระดับหัวกะทิของจีน
รู้จักกับมหาวิทยาลัยชิงหัว แหล่งรวมตัวของเด็กระดับหัวกะทิของจีน
หลังจากครองแชมป์มาหลายปี ในที่สุด มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ NUS ก็ร่วงจากอันดับที่ 1 ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดย Times Higher Education แล้วหลีกทางให้กับ ม.ชิงหัว แห่งประเทศจีน พร้อมกันนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยในจีนติดอันดับต้นๆ อีกเพียบ เช่น ม.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกง ในอันดับที่ 4 ม.ฮ่องกง อันดับที่ 5 ม.ปักกิ่ง อันดับที่ 6 และ ม.จีนแห่งฮ่องกง อันดับที่ 9
หลายคนอาจจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ ม.ชิงหัว กันมาบ้างแล้ว แต่วันนี้เราจะนำเสนอข้อมูลเบื้องลึกที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับสถาบันอุดมศึกษาอันดับ 1 แห่งเอเชียแปซิฟิก
1. ชิงหัวตั้งขึ้นได้เพราะน้ำใจสหรัฐ
หลังราชวงศ์ชิงถูกกองทัพพันธมิตรแปดชาติสยบ ฐานเข้าข้างกบฏนักมวย (อี้เหอถวน) ซึ่งต่อต้านและสังหารคนต่างชาติ ราชวงศ์ชิงต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้กับพันธมิตรทั้ง 8 โดยจ่ายให้สหรัฐ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ จอห์น เฮย์ ทูตสหรัฐ เห็นว่าเป็นเงินมากเกินไป จึงเสนอต่อ ประธานาธิบดี ธีโอดอร์ รูสเวลท์ ซึ่งเสนอเรื่องต่อและได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสให้ลดเงินปฏิกรรมสงครามลง 10.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเงื่อนไขว่าราชวงศ์ชิงต้องนำเงินนี้เป็นทุนการศึกษาให้นักศึกษาจีนมาเรียนต่อที่สหรัฐ เงินดังกล่าวจึงถูกนำมาก่อตั้งวิทยาลัยชิงหัว (ชิงหัว เสวียถัง) เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 1911
2. รากฐานอยู่ที่อุทยานราชวงศ์ชิง
ที่ตั้งแรกเริ่มของมหาวิทยาลัยคือ อุทยานซีชุน (ปัจจุบันคือสวนชิงหัว) พระเจ้าคังซีพระราชทานอุทยานนี้ให้กับ เฉิงจวิ่นหวาง พระราชโอรส และเดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวนฝั่งตะวันออก จึงเรียกว่า อุทยานตะวันออก ในช่วงสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 กองทัพฝรั่งเศสและอังกฤษทำลายอุทยานแห่งนี้เสียหายบางส่วน จนกระทั่งหลังกบฏนักมวย รัฐบาลชิงได้ยึดอุทยานแห่งนี้มาเป็นของหลวง แล้วปล่อยทิ้งร้างไว้ จนกระทั่งมอบพื้นที่ให้เป็นวิทยาลัยชิงหัว ปัจจุบัน ม.ชิงหัว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งในปักกิ่ง เพราะความงดงามของอุทยานซีชุนนี่เอง แต่มีข้อมูลว่า ทางมหาวิทยาลัยห้ามบุคคลภายนอกเข้าไปเยี่ยมชมแล้ว
3. เคยย้ายหนีสงครามไปถึงภาคใต้
ช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่น ม.ชิงหัว ย้ายหนีการรุกรานของญี่ปุ่นไปยังภาคใต้ ตอนแรกปักหลักที่เมืองฉางซา จากนั้นไปอยู่ที่เมืองคุนหมิง และทำให้คุนหมิงกลายเป็นศูนย์กลางการรวมตัวกันของนักวิชาการชาวจีนจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้คุนหมิงมีความรุ่งเรืองทางวิชาการอย่างมาก และยังส่งอิทธิพลให้กับ ม.ครูหยุนหนาน และ ม.หยุนหนาน มีความเป็นเลิศทางวิชาการมาจนถึงทุกวันนี้ ต่อมาหลังญี่ปุ่นยอมแพ้สงคราม ชาวชิงหัวย้ายกลับไปที่กรุงปักกิ่งเช่นเดิม แต่จีนกลับเผชิญกับสงครามกลางเมืองต่อจากนั้น ทำให้อาจารย์จำนวนหนึ่งหนีลงใต้ไปยังหนานจิง และหนีไปยังไต้หวัน แยกมาตั้ง ม.ชิงหัวแห่งชาติขึ้นที่นั่น
4. ศูนย์กลางความวุ่นวายยุคปฏิวัติ
หลังพรรคคอมมิวนิสต์กุมอำนาจ ได้กำหนดให้ชิงหัวเป็นมหาวิทยาลัยในสายวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้ชิงหัวเป็นสถาบันสายวิจัยที่แข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ แต่ช่วงเวลาอันดำมืดที่สุดของสถาบันติดตามมาไม่นานหลังจากนั้น ในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม อาจารย์บางส่วนและนักศึกษาของชิงหัวเป็นแกนหลักที่ผลักดันขบวนการต่อต้านวัฒนธรรมแบบเก่า ค่านิยมแบบเก่า รวมถึงกลุ่มอำนาจเก่าในพรรคคอมมิวนิสต์ กลายเป็นศูนย์กลางของการปลุกระดมโค่นล้มสังคมแบบเก่าที่กลายเป็นหายนะยาวนานถึงกว่าทวรรษ ในเวลานี้มหาวิทยาลัยถูกปิดไปโดยปริยาย เพราะอาจารย์ถูกนำตัวมาประจาน หรืองานวิชาการต่างๆ ถูกโจมตีว่าเป็นปฏิปักษ์ของการปฏิวัติ
5. ยุครุ่งเรืองหลังการเปิดประเทศ
ชิงหัวกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง หลังสิ้นสุดกระแสปฏิวัติวัฒนธรรม และตามด้วยนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศของ เติ้งเสี่ยวผิง และหลังจากนั้นมหาวิทยาลัยขยายขอบข่ายการศึกษาจากวิทยาศาสตร์มาเป็นสายสังคมศาสตร์มากขึ้น เช่น คณะนิติศาสตร์ คณะบริหารและการจัดการรัฐกิจ คณะเศรษฐศาสตร์และการจัดการ โดยเฉพาะคณะหลังตั้งมาตั้งแต่ปี 1926 แต่ปิดไปหลังระบอบคอมมิวนิวต์ แต่เปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อรับการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยมี จูหรงจี อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคณบดีคนแรก
6. ศิษย์เก่าระดับหัวกะทิของประเทศ
ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีกลุ่มที่เรียกว่า Tsinghua clique หรือกลุ่มชิงหัว ซึ่งเป็นสมาชิกระดับสูงรุ่นที่ 4 ของจีน ล้วนแต่จบจาก ม.ชิงหัว ผู้นำกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับระบอบสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน ตามแนวทางที่เติ้งเสี่ยวผิงได้วางไว้ ผู้นำกลุ่มนี้ เช่น หูจิ่นเทา จูหรงจี สีจิ้นผิง หวางฉีซาน หลิงเหยียนตง และ หลินเหวินอี คนเหล่านี้เป็นทั้งประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองชั้นนำในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีศิษย์เก่าสายอื่นๆ เช่น ซุนหงปิน มหาเศรษฐีชาวจีน จ้าวจิ่วจาง ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีด้านอวกาศของจีน เฝิงโหย่วหลัน นักปรัชญายุคใหม่ เฉียนจงซู นักเขียนผู้โด่งดัง
7. ชิงหัวเป็นสมาชิกของ C9 League
C9 League หรือสันนิบาต C9 เป็นการรวมตัวของมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนแผ่นดินใหญ่ 9 แห่ง เป็นกลุ่มที่ผลิตงานวิจัย 3% ของประเทศ มีงานวิจัยตีพิมพ์รวมกัน 30% และมีการอ้างอิงในอัตราส่วน 30% ถือเป็น Ivy League ของจีนเลยทีเดียว การรวมตัวกันนี้เป็นผลมาจากการผลักดันขึ้นโดยรัฐบาลจีนเมื่อปี 1998 เพื่อสร้างมาตรฐานงานวิจัยของมหาวิทยาลัยชั้นนำ ในการจัดอันดับระดับโลก ชิงหัวอยู่ในอันดับที่ 17 ของโลก และอันดับที่ 1 ของเอเชียแปซิฟิก
ที่มาภาพ Yaoleilei, Charlie fong, Emcc, gongfu_king - DSC_3748 ,World Economic Forum, tsinghuajournals.org


