posttoday

ราคาน้ำมันโลกจ่อทะยาน! "โอเปก-รัสเซีย"ผนึกลดกำลังผลิต

09 ธันวาคม 2561

น้ำมันตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีหลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) และกลุ่มนอกโอเปกเห็นพ้องลดผลิตน้ำมัน

น้ำมันตลาดโลกพุ่งขึ้นทันทีหลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) และกลุ่มนอกโอเปกเห็นพ้องลดผลิตน้ำมัน

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ (โอเปก) และกลุ่มนอกโอเปกนำโดยรัสเซีย บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีหน้า ในการประชุมวันที่ 8 ธ.ค. ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 1 ล้านบาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกจะลดการผลิตภายในกลุ่มลง 8 แสนบาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียและกลุ่มนอกโอเปกจะปรับลดการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน โดยโอเปกตกลงให้สิทธิยกเว้นอิหร่าน เวเนซุเอลา และลิเบีย ไม่ต้องเข้าร่วมการลดกำลังการผลิต หลังอิหร่านยืนกรานก่อนหน้านี้ว่าไม่ต้องการลดการผลิตน้ำมันลง โดยอ้างเหตุผลเรื่องการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งขึ้นทันที 6.1% ไปอยู่ที่ 63.01 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสปรับขึ้น 5.3% ไปอยู่ที่ 52.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายสตีเฟน อินเนส หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท โอยันดา คอร์ป กล่าวว่า การจะปรับลดการผลิตล่าสุดคาดว่าจะช่วยให้ราคาน้ำมันกลับมาฟื้นตัว แต่ในระยะยาวยังต้องจับตาดูว่ากลุ่มโอเปกรักษาระดับการผลิตดังกล่าวไว้ได้หรือไม่

ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า กรณีที่โอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงในปีหน้า 1.2 ล้านบาร์เรล คาดว่าจะผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบอยู่ในกรอบ 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ไม่น่าจะขึ้นไปสูงมากกว่านั้น เพราะเชื่อว่าสหรัฐจะเจรจากับกลุ่มโอเปกให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อให้ราคาไม่สูงเกินไปกว่านั้น อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากเชลออยล์ที่สหรัฐจะใช้ถ่วงดุลราคาน้ำมันดิบอีกทาง

“เชื่อว่าการที่โอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงมา ต้องการที่จะทดแทนน้ำมันจากอิหร่าน หากสหรัฐยกการแซงก์ชั่นน้ำมันกับอิหร่านจะทำให้มีน้ำมันดิบเข้ามาในตลาด 1.2-1.3 ล้านบาร์เรล ดังนั้นการที่โอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงก็จะทดแทนตรงส่วนนี้ เพราะโอเปกไม่มีราคาเป้าหมาย”นายธนวรรธน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับขึ้นไม่เกิน 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายใต้สงครามการค้าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงบานปลาย เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะโตได้ 4-4.5%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ความกังวลต่อต้นทุนราคาพลังงานของภาคเอกชนในช่วงนี้ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ เพราะราคาไม่ได้สูงจนกระทบต่อต้นทุน แต่ความกังวลส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ความไม่มั่นใจในสถานการณ์การค้าโลก โดยเฉพาะกรณีของสหรัฐและจีนที่ยังมีท่าทีไม่ลงรอยกันจนอาจนำไปสู่การขึ้นภาษีรอบใหม่ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบมากกว่าในภาคผู้ประกอบการ เพราะจะลดความสามารถการแข่งขันทางการค้าของไทยกับประเทศอื่นๆ

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวว่า การที่โอเปกลดกำลังการผลิตน้ำมันลงไม่น่าจะกระทบราคาขายปลีกในประเทศมากนัก โดยจากการติดตามราคาในตลาดโลก พบว่า เมื่อสุดสัปดาห์ราคาน้ำมันปรับขึ้นมา 2% อาจจะมีผลให้ราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้นได้ แต่หากมองค่าการตลาดของไทยยังถือว่าอยู่ในระดับสูง ไม่น่าจะมีผลกระทบมาก

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันจนมีผลต่อนโยบายในการรักษาเสถียรภาพราคาแอลพีจีและดีเซล เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลลดลงจนถึงจุดที่รัฐบาลไม่ต้องอุดหนุน อีกทั้งกองทุนน้ำมันยังมีเงินสำรองเพียงพอในการรักษาเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ภาพ เอเอฟพี