ความปลอดภัย หัวใจการท่องเที่ยว

โดย...พีรดา ปราศรีวงค์ 

เช้าวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ประเทศไทยเตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นคนที่ 33 ล้านคนของปีนี้ ภายใต้แคมเปญ “ไทยแลนด์ ลักกี้ วิสิทเตอร์ เดอะ อะเมซิ่ง สแมสชิ่ง ซัคเซส” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าตลอดปีนี้จะมีต่างชาติเดินทางมากว่า 34 ล้านคน 

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ว่ารัฐบาลต้องการยกระดับบทบาทกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานภายใต้สังกัดให้เป็นกระทรวงเกรดเอ เพราะปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นร่มใบใหญ่ที่ช่วยสร้างรายได้ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยกว่า 30 ล้านคน/ปี โดยการท่องเที่ยวมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) สัดส่วน 20% สร้างรายได้ปีนี้ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 17% สร้างรายได้ 2.5 ล้านบาท หรือมีรายได้ 1 ใน 5 ของรายได้ทั้งหมดของประเทศ

“การมีแหล่งท่องเที่ยวที่ดี สวยงาม ระบบนิเวศ โครงสร้างพื้นฐานอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่สำคัญ และการรักษาภาพลักษณ์ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงความปลอดภัยที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย เหมือนที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้สึกมั่นใจถึงความปลอดภัยเหมือนประเทศญี่ปุ่น โดย สตช.ควรเป็นศูนย์กลางด้านข้อมูลนักท่องเที่ยวให้กับคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้” สมคิด กล่าว 

นอกจากนี้ ต้องการให้ตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งได้ยกระดับฐานะเป็นกองบัญชาการมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนมีความเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว แต่ผสมการเป็นตำรวจ โดยภาพลักษณ์นี้อาจขยายไปสู่ตำรวจท้องที่ อาสาสมัครท้องถิ่น ให้มีความรู้ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมองว่าตำรวจท่องเที่ยวเป็นโซ่ข้อกลางที่จะคล้องการทำงานร่วมกันระหว่างภาคการท่องเที่ยวไทยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เตรียมจัดการประชุมใหญ่ร่วมกับคณบดีมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชนที่มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาร่วมหารือกับภาคเอกชนท่องเที่ยว องค์การท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันกับคนในพื้นที่ เพื่อปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการด้านบุคลากรการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันตำรวจท่องเที่ยวถือเป็นต้นแบบการดูแลรักษาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว การรวมใจของอาสาสมัครกว่า 2,018 คน ในครั้งนี้ เป็นการรวมพลังที่เชื่อว่าหลายชาติให้ความสนใจโครงการ

ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เล่าว่า ตำรวจท่องเที่ยวได้รวบรวมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวจำนวน 2018 รายทั่วประเทศไทย เพื่อสร้างเครือข่ายร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลนักท่องเที่ยว มาฝึกอบรมทักษะความรู้ความสามารถด้านภาษา การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ฯลฯ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเข้มแข็ง