posttoday

สวีเดนเทิดพระเกียรติ ร.9 ลั่นระฆัง 1 ชม.น้อมส่งอัศวิน

28 ตุลาคม 2560

ท่ามกลางความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทยที่หลั่งไหลไปร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร

โดย ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

ท่ามกลางความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทยที่หลั่งไหลไปร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความเคารพรักต่อกษัตริย์ผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดินเป็นครั้งสุดท้าย ในอีกซีกโลกหนึ่งของทวีปยุโรปนั้น ประเทศสวีเดนได้จัดพิธีถวายพระเกียรติแด่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ด้วยเช่นกัน

พิธีการดังกล่าวคือ พิธีตีระฆังแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม (Serafimerringning) ที่จัดขึ้นเมื่อพระประมุขผู้ทรงได้รับการถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม (The Order of the Seraphim) ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของสวีเดน สวรรคต โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้รับการถวายเครื่องราชอิสริยา ภรณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 1950 หลังเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 1946

สวีเดนเทิดพระเกียรติ ร.9 ลั่นระฆัง 1 ชม.น้อมส่งอัศวิน

สำหรับรายละเอียดในพิธีการ เริ่มต้นที่ทหารกองเกียรติยศจะอัญเชิญตราพระครุฑพ่าห์ ซึ่งเป็นพระราชลัญจกรพิเศษของในหลวงรัชกาลที่ 9 จากพระราชวังกรุงสตอกโฮล์มไปยังโบสถ์รีดด้าร์โฮล์ม ซึ่งเป็นสถานที่เก็บพระบรมศพของพระราชวงศ์สวีเดน โดยทางพระราชวังสวีเดนจะจัดทำพระราชลัญจกรพิเศษสำหรับพระประมุขที่ได้รับการถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม และจัดพิธีอัญเชิญดังกล่าวในวันเดียวกับที่มีพระราชพิธีพระบรมศพในประเทศนั้นๆ ซึ่งเป็นประเพณีสืบต่อมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

จุดสำคัญของพิธีการอยู่ที่ “พิธีตีระฆัง” แห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศสูงสุดแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งเว็บไซต์รอยัล เซ็นทรัลของอังกฤษ ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับพระราชวงศ์ทั่วโลกระบุว่า การตีระฆังถือเป็นธรรมเนียมโบราณ ซึ่งสื่อถึงอัศวินชั้นสูงสุดของสวีเดนที่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตราเซราฟีม

โรเจอร์ นิลส์สัน ผู้ช่วยทูตทหารสวีเดนประจำประเทศไทย เปิดเผยกับโพสต์ทูเดย์ว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงนับเป็นอัศวินและผู้บัญชาการทหารแห่งราชวงศ์สวีเดนมาเป็นเวลา 66 ปี ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการบันทึกมาในประวัติศาสตร์อีกด้วย

ทั้งนี้ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรา เซราฟีมมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน สืบย้อนไปตั้งแต่ปี 1748 เมื่อครั้งพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 1 แห่งสวีเดน ทรงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งแต่เดิมนั้นถวายให้เฉพาะพระราชวงศ์สวีเดน จนกระทั่งปี 1975 เริ่มมีการให้เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าวกับพลเมืองสวีเดนและชาวต่างชาติที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงปี 2017 ที่ผ่านมา มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ให้ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าวแค่เฉพาะพระราชวงศ์สวีเดน และพระประมุขของประเทศอื่นหรือบุคคลที่มีสถานะเทียบเท่า

สวีเดนเทิดพระเกียรติ ร.9 ลั่นระฆัง 1 ชม.น้อมส่งอัศวิน

ธารไมตรีไทย-สวีเดน แน่นแฟ้น

สายสัมพันธ์ระหว่างไทยและสวีเดนนั้น มีความแน่นแฟ้นและยาวนานมาเป็นเวลานานเกือบ 150 ปี นับตั้งแต่ปี 1868 เมื่อไทยและสวีเดนเปิดฉากความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ด้วยการลงนามสนธิสัญญาฉบับแรกระหว่างสองประเทศว่าด้วยมิตรภาพ การพาณิชย์ และการเดินเรือ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 15 แห่งสวีเดน

หลังจากนั้นในปี 1897 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการครั้งแรก ตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีออสการ์ที่ 2 โดยนอกจากเสด็จไปทอดพระเนตรสถานที่สำคัญและอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว ยังเสด็จเยือนเขตรากุนดา ทางตอนเหนือ ซึ่งทางสวีเดนได้ตั้งชื่อถนนเส้นที่เสด็จฯ ผ่านว่า “ถนนจุฬาลงกรณ์” เพื่อถวายพระเกียรติ ก่อนที่ในอีก 100 ปีต่อมา หน่วยงานไทยและสวีเดนได้ร่วมกันก่อสร้างอาคารอนุสรณ์รัชกาลที่ 5 บริเวณศาลาที่ประทับเมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนรากุนดา ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราวแห่งเดียวนอกประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ศตวรรษแห่งการเสด็จพระราชดำเนินเยือนพื้นที่แห่งนี้

สวีเดนเทิดพระเกียรติ ร.9 ลั่นระฆัง 1 ชม.น้อมส่งอัศวิน

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนสวีเดนในครั้งนั้น ปูทางให้สายสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์ไทยและสวีเดนก็ยิ่งแนบแน่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร หลังพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ 23-25 ก.ย. 1960

ด้านสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ แห่งสวีเดน และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย เสด็จพระราชดำเนินเยือนไทยหลายครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเสด็จเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2006 ขณะที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ เยือนไทยเป็นการส่วนพระองค์ถึงกว่า 14 ครั้ง โดยครั้งที่สร้างความประทับใจให้ชาวไทยจำนวนมาก คือการเสด็จฯ ไปตลาดแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน โดยทรงฉลองพระองค์ชุดลำลองเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปโดยไม่มีผู้ติดตาม และในปี 2005 ได้เสด็จฯ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากเหตุสึนามิเมื่อปี 2004 ด้วยเช่นกัน

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา