posttoday

ใครควรจะอยู่ ใครน่าจะไป (3)

01 ตุลาคม 2560

“โอเปอเรเตอร์ ในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์เกาหลี ไม่มีใครอายุเกิน 45 ปีหรอก”...

“โอเปอเรเตอร์ ในโรงงานอิเล็กทรอนิกส์เกาหลี ไม่มีใครอายุเกิน 45  ปีหรอก”... (ต่อจากบทความก่อน)...เรากำลังพูดถึงอนาคตของพนักงานลูกจ้างรายวันในสายการผลิตที่มีคำเรียกเฉพาะว่า “โอเปอเรเตอร์” ซึ่งกว่า 90% เป็นผู้หญิง… นอกเหนือจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการผลิตที่นำเครื่องจักรกลอัจฉริยะมาใช้แทนมนุษย์แล้ว...พนักงานสาวๆ ในสายการผลิตยังมีภัยคุกคามอีกอย่างหนึ่งคือ “ความแก่!”

โรงงานอิเล็กทรอนิกส์โดยทั่วไป ต้องการพนักงานที่มีสุขภาพแข็งแรงเพื่อรองรับการทำงานหนัก หรือในเงื่อนไขการทำงานที่มีข้อบ่งชี้เฉพาะ เช่น ต้องยืนตลอดเวลาทำงาน หรือต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ตลอดวัน หรือต้องใช้สายตาตรวจสอบชิ้นงานสำคัญ เป็นต้น ... แม้ว่าพนักงาน สาวๆ จะพยายามทำหน้าแต่งตัวกระชากวัย แต่เมื่อย่างเข้า 45 เมื่อไร ความงามกับความกระฉับกระเฉงจะหายไปไวมากเมื่อเจอกับไขมันที่พอกพูนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ผนวกกับความเหนื่อยล้าจากการยืนทำงานหน้าเครื่องจักรถึงวันละ 10 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี จึงทำให้ความเสื่อมสภาพของร่างกายตามกาลเวลามาเร็วมาก โดยเฉพาะหู ตา ความกระฉับกระเฉงรวดเร็วในการตอบรับสถานการณ์จะลดลงเป็นอันดับต้นๆ ก่อนอวัยวะอื่น...

ดังนั้น เมื่อบริษัทแม่ฝั่งเกาหลีก็ได้ส่งเมสเสจสำคัญมาว่า “ที่เกาหลีน่ะ สาวโรงงานพออายุ 30 กว่าๆ ก็แต่งงานแล้วลาออกกันไปเกือบหมด ไม่มี อาจุมม่า (ป้าๆ ทั้งหลาย) ยืนทำงานดูเครื่องจักรจนถึงอายุ 45 หรอก” ผู้บริหารเกาหลีในไทยจึงจำเป็นต้องสั่งปฏิบัติการพิเศษให้“ปรับลดอายุเฉลี่ยของคนในองค์กร” ลดสัดส่วนของคนทำงานที่มีอายุมาก เพิ่มสัดส่วนของคนอายุน้อย เอาคนหนุ่มสาวเข้ามาแทนที่ โดยหวังว่าจะได้ความคิดสดใหม่ไอเดียทันโลกจากเด็กรุ่นใหม่ (และแอบหวังว่าจะทำให้ผลผลิตต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้นด้วย)...โดยเฉพาะในกรณีนี้ เป็นองค์กรที่มีพนักงานอายุ 45 ขึ้นไป มากกว่าครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมด

ใครควรจะอยู่ ใครน่าจะไป (3)

...เมื่ออายุ 45 ใครคิดว่าตนเองแก่บ้างคะ...

ความเสื่อมถอยของสภาพร่างกาย หรือ Physical Deterioration ตามอายุและการใช้งานเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ก็สามารถอธิบายได้ตามทฤษฎี “พลังของการคัดเลือกตามธรรมชาติ - The force or strength of natural selection” ซึ่งมีผู้นำเอา “ทฤษฎีวิวัฒนาการของชีวิต ของ ชาลส์ ดาร์วิน”มาต่อยอด...ความว่า พลังของการคัดเลือกของธรรมชาติเป็นแรงกระทำต่อการอยู่รอด และ/หรือ การขยายพันธุ์ต่อเนื่องของสิ่งมีชีวิตเมื่อถึงจุดที่ชีวิตมีวุฒิภาวะที่เบ่งบานเต็มวัยแล้ว (Maturity) ชีวิตก็ร่วงโรยลงจนถึงวาระสุดท้าย (ดูกราฟประกอบ) เส้นกราฟโค้งดิ่งลงเลยค่ะ หากไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลง (Intervention) ในช่วงระหว่างขาลงในพื้นที่ที่เรียกว่า Selection Shadow  ซึ่ง  Natural Forceควบคุมไม่ได้ (ยกตัวอย่าง เช่น ไปฉีดสเต็มเซลล์มา) ชีวิตก็จะตายไป …

ส่วนคำว่า เบ่งบานเต็มวัย นั้น ของใครของมัน ไม่ได้กำหนดไว้ว่าอายุเท่าไร อาจเป็นจุดที่ได้มีการสืบสายพันธุ์สร้างลูกหลานของตนต่อไปแล้วก็ได้...เมื่ออธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังก็มักได้รับคำตอบจากทั้งชายและหญิงว่า“ถูกเผงเลยครับ (ค่ะ) !  หลังจากมีลูกแล้ว รู้สึกว่าภรรยาของผม (สามีของดิฉัน) จะถดถอยลงทุกอย่าง อ้วน ขี้บ่น ขี้เกียจ ฯลฯ”... นั่นเป็นสัญญาณที่ธรรมชาติเตือนเราแล้วค่ะ ว่าชีวิตกำลังจะเข้าสู่กราฟช่วงสุดท้าย ต่อไปนี้มีแต่ขาลงไปจนตายล่ะ

ใครควรจะอยู่ ใครน่าจะไป (3)

ในเชิงการจัดการสินทรัพย์ขององค์กร หรือ Asset management มักแบ่งออกเป็น สินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Tangible Asset) เช่น เงิน ที่ดิน เครื่องจักร กับ สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Asset) ได้แก่ ภาพลักษณ์องค์กรที่ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่น ลิขสิทธิ์ ทรัพย์สินทางปัญญา และองค์ความรู้ขององค์กรที่อยู่ในตัวคน ซึ่งเป็นทุนทางปัญญา หรือ Intellectual Capital...เจ้าทุนทางปัญญานี้ ก็ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากดอกบัวหรืออุบัติขึ้นมาเองนะคะ ล้วนแล้วแต่ต้องมีการลงทุนในคนในองค์กรให้เขาเกิดปัญญา หรือ  Human Capital ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าจ้างเงินเดือนที่จ้างมาคิดมาทำงาน ค่าฝึกอบรม หนังสือ ส่งไปเรียน การลงทุนในคนจึงถือว่าเป็นทรัพย์สินที่บริษัทลงทุนสะสมไว้ เรียกว่าเป็น Human Assetดังนั้น การจะให้คนออกจากองค์กรไป ก็ต้องคำนึงถึงคำว่า Human Asset ด้วย ไม่งั้นบริษัทอาจสูญเสีย มากกว่าได้ ควรต้องคำนึงและคำนวณด้วยว่า “กว่าพนักงานจะได้ความรู้มาเท่านี้ ต้องลงทุนไปเท่าไร” เริ่มต้นตั้งแต่รับพนักงานเข้ามาใหม่ เริ่มการเรียนรู้ที่จะทำงาน จนถึงทำงานเป็นไม่ผิดพลาดเลย บางงานบางสาขา บางงานเรียนได้เร็ว บางงานเรียนได้ช้า เช่น งานที่ต้องใช้ทักษะ อาจจะต้องใช้เวลา 1 ถึง 3  ปี แต่เมื่อยิ่งทำซ้ำๆ ยิ่งมีทักษะ ยิ่งเก่งขึ้น…ในช่วงเวลานี้ถือเป็น การสะสมทุนทางปัญญาของบริษัท

นอกจากนี้ ใช่ว่าคนแก่จะมีแต่เสื่อมถอย...ปรากฏว่า มีงานวิจัยของอาจารย์ K.P. Cross ทางด้าน “การเรียนรู้ของคนวัยผู้ใหญ่” (Adult Learning) ในต่างประเทศ พิสูจน์ว่า คนในวัยผู้ใหญ่แม้ว่าร่างกายเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ ก็จริง แต่กลับมีการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่เป็นพัฒนาการแตกต่างจากวัยหนุ่มสาว คือ มีการเรียนรู้ในการใช้หลักเหตุและผล ซึ่งทำให้มีการตัดสินใจที่ดีขึ้น มีทักษะในงานดีขึ้น และมีความสามารถในการเลือกใช้คำศัพท์ดีขึ้นด้วย...ดังนั้น ถ้าพูดถึงเหตุผลแล้ว ยังไงๆ ต้องเชื่อไว้ก่อนเป็นดีว่า เหตุผลของพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ของเราถูกต้องที่สุด...อย่าพยายามเถียงซะให้ยากเลย...

ในกรณีนี้ สาวๆ หลายร้อยคน เป็น Expert ที่มีประสบการณ์นานกว่า 20 ปี แม้ว่าอายุจะล่วงเลย 45-50 ปีไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะแก่อย่างเดียว แต่มีทักษะสูงด้วย หากยอมให้เกษียณก่อนอายุสัก 100 คน เท่ากับสูญเสียคนทำงานที่มีทักษะและมีความภักดีต่อองค์กรไป 100  คน ในขณะที่พนักงานที่รับเข้ามาทดแทนอีก 100 คนก็อาจเกิดความเสี่ยงที่จะทำงานผิดพลาดด้วย...เลือกผิดก็สูญเสีย เลือกถูกก็เกิดความเสี่ยง จะคัดเลือกกันอย่างไรดี...

(อ่านต่อฉบับหน้า)

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท