มาเลเซียสร้างฐาน ปลอดภัยด้วยใบขับขี่
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศมาเลเซียหลายครั้ง สิ่งที่ผมสังเกตเห็นบนท้องถนน
โดย...ดิลก ถือกล้า
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปประเทศมาเลเซียหลายครั้ง สิ่งที่ผมสังเกตเห็นบนท้องถนน คือ เห็นรถบางคันที่วิ่งอยู่บนท้องถนนติดตัวหนังสือตัวโตๆ เป็นตัว "P" ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง จึงได้สอบถามเพื่อนชาวมาเลเซียว่า สิ่งนั้นคืออะไร
ก็ได้คำตอบว่า เป็นคนขับรถที่เรียกว่าเป็นพวกคนขับที่ถูกจัดอยู่ระหว่างการทดลองขับเหมือนการทดลองงาน จึงเรียกคนขับกลุ่มนี้ว่ากลุ่ม “Probation” ผมสนใจมาก เพราะดูแล้วกระบวนการได้ใบขับขี่ของเขาน่าจะต่างจากประเทศไทยอย่างมาก จึงได้คุยกับเขาและคนอื่นๆ ในรายละเอียด จึงได้ทราบแนวทางการได้ใบขับขี่ในประเทศมาเลเซีย ที่พอสรุปได้ดังนี้
เขาจะต้องเริ่มต้นด้วยการสอบใบขับขี่เป็นประเภทใบขับขี่แบบฝึกหัดขับ หรือเลิร์นเนอร์ ไดร์ฟวิ่ง ไลเซนส์ หรือแอลดีแอล (Learner Driving License : LDL) เป็นพวกที่สอบผ่านกฎจราจรและความปลอดภัยพื้นฐานบนท้องถนน คนกลุ่มนี้จะขับรถได้เฉพาะรถที่มีทะเบียนสัญลักษณ์ตัว L ซึ่งเป็นรถของโรงเรียนสอนขับรถยนต์ และจะต้องขับภายใต้การกำกับดูแลของครูสอนรถยนต์เท่านั้น โดยจะสามารถต่อได้ทุก 3 หรือ 6 เดือน แต่จะต้องไม่เกิน 2 ปี
หลังจากทำได้ครบถ้วนตามเงื่อนไขของการเป็น LDL แล้ว พวกเขาจะต้องเข้ากระบวนการที่จะได้ใบขับขี่แบบที่เรียกว่า ใบขับขี่ของกลุ่มทดลองขับ หรือโปรเบชั่น ไดร์ฟวิ่ง ไลเซนส์ หรือพีดีแอล (Probation Driving License : PDL) เป็นกลุ่มที่จะต้องผ่านการทดสอบความสามารถในการขับรถและกฎกติกาการจราจรทั้งหมด โดยกลุ่มนี้จะขับรถได้โดยจะต้องติดตัว "P" ใหญ่ในวงกลมพื้นสีแดงให้เห็นชัดทั้งหน้าทั้งหลัง โดยไม่จำเป็นต้องหาสติ๊กเกอร์มาแปะว่า “มือใหม่หัดขับ” แบบบ้านเรา เพื่อให้ทุกคนรู้ว่า คนขับรถคันนี้เป็นพวกมือใหม่ ที่เพื่อนร่วมทางควรจะมีน้ำใจเอื้อเฟื้อให้
และในช่วงเวลา 2 ปี ตั้งแต่ได้ใบขับขี่แบบ PDL หากคนขับไม่ถูกตัดคะแนนใบขับขี่ตามเงื่อนไข กลุ่มนี้จะยกระดับใบขับขี่ไปเป็นใบขับขี่สำหรับผู้มีความชำนาญ หรือคอมพีเทนต์ ไดร์ฟวิ่ง ไลเซนส์ หรือซีดีแอล (Competent Driving License : CDL) แต่ถึงแม้ว่าจะได้เป็น CDL แล้ว แต่จะต้องถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เช่น จะต้องไม่ถูกตัดแต้มใบขับขี่ไม่เกิน 15 แต้ม หากถึง 15 แต้มขึ้นไป เขาจะถูกยกเลิกใบขับขี่ และต้องเข้าสู่กระบวนการตั้งต้นใหม่
นอกจากนี้ ยังมีกติกาหลายอย่างที่ทำให้ผู้ได้ใบขับขี่แบบ CDL อาจจะต้องต่อใบขับขี่ใหม่ทุก 1 ปี หรือ 2 ปี หรือ 3 ปี หรือ 5 ปี ตามแต่ความหนักเบา แต่ระบบของเขาจะไม่มีระบบใบขับขี่ตลอดชีพแต่อย่างใด
และด้วยความเข้มข้นของการสอบใบขับขี่และความเข้มงวด จริงจังในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับใบขับขี่ อาจจะพูดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ของเขาจะดีกว่าเรา เมื่อดูจากรายงานขององค์การอนามัยโลกปีล่าสุด พบว่า ประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสูง มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 36.2 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในขณะที่มาเลเซียอยู่ที่ 24 คนต่อประชากร 1 แสนคน ต่ำกว่ากันถึง 12 คน
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะเพิ่มความเข้มข้นของการได้ใบขับขี่ ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านเราอย่างมาเลเซีย


