posttoday

'เยลเลน'ดันดอลลาร์แข็งค่า ส่งสัญญาณเดินหน้าลุยดอกเบี้ยขาขึ้น

20 มกราคม 2560

ค่าเงินเหรียญสหรัฐกลับมาแข็งค่า หลังประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองถึงสามครั้งจนถึงปี 2019

ค่าเงินเหรียญสหรัฐกลับมาแข็งค่า หลังประธานเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยสองถึงสามครั้งจนถึงปี 2019

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบค่าเงินเยนไปแตะที่เกือบ 115 เยน/เหรียญสหรัฐ ระหว่างการซื้อขายในวันที่ 19 ม.ค. จากราว 114.59 เยน/เหรียญสหรัฐ ก่อนหน้านี้ หลังเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยสองถึงสามครั้งไปจนถึงปี 2019

"การรอคอยมาเป็นเวลานานเกินไปในการมุ่งสู่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง อาจยิ่งเพิ่มปัจจัยลบมากขึ้นในเวลาต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงเกินไป หรือความไร้เสถียรภาพทางการเงิน หรืออาจจะทั้งสองด้าน" เยลเลน กล่าว

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งสัญญาณว่าแสดงความไม่พอใจที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐแข็งค่ามากเกินไป ซึ่งทำให้สหรัฐเสียเปรียบประเทศคู่ค้าจำนวนมากโดยเฉพาะจีน หลังค่าเงินเหรียญสหรัฐพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากคาดการณ์นโยบายลดภาษีและการทุ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

เดวิด บลูม นักกลยุทธ์ด้านค่าเงินจากธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า ทรัมป์ ไม่สามารถใช้นโยบายทางการคลังไปพร้อมๆ กับที่ต้องการให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงได้ และหากทรัมป์เดินหน้านโยบายปกป้องทางการค้า และประกาศขึ้นบัญชีประเทศปั่นค่าเงินเพิ่ม ค่าเงินเหรียญสหรัฐจะแข็งค่าขึ้นไม่ใช่อ่อนค่าลง

ขณะเดียวกัน เอชเอสบีซีคาดการณ์ว่าค่าเงินเหรียญสหรัฐจะปรับขึ้นมา 8% เมื่อเทียบค่าเงินเยนและแข็งค่าขึ้น 5% เมื่อเทียบค่าเงินยูโรภายในปีนี้ ด้านบลูมเบิร์กเปิดเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์ พบว่าค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์ จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกน้อยที่สุดในปีนี้ เนื่องจากสัดส่วนการพึ่งพาทางการค้ากับสหรัฐกับจีนไม่ได้สูงมาก ขณะที่ ค่าเงินบาทไทยและค่าเงินรูปี อินเดีย จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดตามมา

ในวันเดียวกัน ซุนจีเหวิน โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า จีนจะหาทางร่วมมือกับรัฐบาลทรัมป์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าที่เอื้อประโยชน์ต่อ ทั้งสองฝ่าย สวนทางกับความเห็นของ วิลเบอร์ รอสส์ ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์ของรัฐบาลทรัมป์ ที่โจมตีว่าจีนเป็นประเทศที่มีท่าทีปกป้องการค้ามากที่สุดในโลก ทำให้ หัวชุนหยิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ออกมาตอบโต้คำพูดของรอสส์ โดยระบุว่าจีนเป็นประเทศที่ส่งเสริมการค้าเสรีมาโดยตลอดแตกต่างจากสหรัฐ

ด้าน เจมี ดิมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของธนาคารเจพีมอร์แกน แสดงความวิตกเกี่ยวกับกระแสชาตินิยมในยุโรป โดยระบุว่าความเป็นเอกภาพของสหภาพยุโรป (อียู) อาจถูกทำลาย หากนักการเมืองที่มีแนวคิดชาตินิยมขึ้นปกครองประเทศ รวมถึงแนะให้ผู้นำประเทศยุโรปค้นหาสาเหตุว่าทำไมอังกฤษจึงตัดสินใจถอนตัวออกจากอียู

ภาพ เอเอฟพี