ประชาชนชาวมองโกเลีย 60% ยังคงเลือกใช้ชีวิตอยู่ในเต็นท์
ชาวมองโกเลียส่วนใหญ่ยังคงเลือกใช้ชีวิตอยู่ในเต็นท์ตามวิถีดั้งเดิม แม้จะมีอพาร์ทเม้นที่สร้างโดยรัฐบาลก็ตาม
ชาวมองโกเลียส่วนใหญ่ยังคงเลือกใช้ชีวิตอยู่ในเต็นท์ แม้จะมีอพาร์ทเม้นที่สร้างโดยรัฐบาลก็ตาม
ถึงแม้ว่าจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของชาวมองโกเลียจะผ่านไปนานหลายร้อยปีแล้ว แต่ชาวมองโกเลียส่วนใหญ่จำนวน 60% หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.3 ล้านคน ต่อประชากรทั้งหมด 3 ล้านคน ยังคงเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมด้วยการอาศัยอยู่ในเต็นท์ ซึ่งอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Gers
นั่นทำให้อพาร์ทเม้นที่สร้างขึ้นเพื่อชาวมองโกเลีย ในเมืองอูลาน บาตอร์ เมืองหลวง โดยโครงการของรัฐบาลนั้นเต็มไปด้วยห้องว่างเปล่า
ชีวิตแบบดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในเต็นท์นั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก ไม่มีน้ำประปาให้ใช้ได้อย่างสะดวกเหมือนสังคมเมืองสมัยใหม่
รัฐบาลพยายามสนับสนุนให้ประชาชนย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ทเม้นกลางเมือง ด้วยการให้เงินสนับสนุน โดยตั้งความหวังไว้ว่าในอีก 15 ปีข้างหน้าจะมีจำนวนผู้อาศัยในอพาร์ทเม้นท์คิดเป็น 70% ของจำนวนประชากรทั้งหมด
แต่ปัญหาใหญ่สำหรับชาวมองโกเลียที่ยังพอใจกับวิถีดั้งเดิมนั่นคือ โปรแกรมรณรงค์ของรัฐบาลนั้นมีผลดีต่อผู้มีรายได้สูงเท่านั้น ซึ่งสำหรับผู้มีรายได้น้อยนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถใช้ชีวิตในเมืองได้
หนึ่งในผู้อยู่อาศัยที่ชุมชน Gers กล่าวว่า รายได้ต่อเดือนของเขาอยู่ที่ประมาณ 36,000 ตูกริกเท่านั้น (ประมาณ 616 บาท) ซึ่งหากเขาต้องการที่จะอาศัยในเมืองนั้นจำเป็นที่จะต้องมีเงินถึประมาณ 370,000 บาทในการวางเงินดาวน์ที่พักอาศัย แน่นอนว่าเขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามรัฐบาลกล่าวว่าได้มีโครงการช่วยเหลือสำหรับครอบครัวที่ขาดเงินจำนอง แต่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ซึ่งประมาณว่าขณะนี้มีจำนวน 17,000 ครอบครัว และน่าจะพร้อมย้ายเข้ามาภายในระยะเวลา 2 ปี
Gers เป็นวิถีชีวิตแบบเร่ร่อนของชาวมองโกเลียมานานหลายร้อยปี เต็นท์เหล่านี้จะสร้างในรูปแบบกระโจมจากไม้หรือไม้ไผ่ และยึดไว้ด้วยเชือก ถึงแม้ว่าภายในจะขาดสิ่งของจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวัน แต่ชาวมองโกเลียก็ภูมิใจกับสิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา


