อังกฤษประกาศอิสรภาพ
“ให้วันที่ 23 มิ.ย.นี้ เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของเราในฐานะวันประกาศอิสรภาพ” ไนเกล ฟาราจ
“ให้วันที่ 23 มิ.ย.นี้ เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของเราในฐานะวันประกาศอิสรภาพ” ไนเกล ฟาราจ แกนนำสนับสนุนให้โหวตออกจากอียู ประกาศชัยชนะ
ฝ่ายสนับสนุนให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ “เบร็กซิต” ได้รับชัยชนะในการทำประชามติครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการ 51.9% หรือ 17,410,742 เสียง ต่อ 48.1% หรือ 16,141,242 เสียงของฝ่ายที่สนับสนุนให้อังกฤษอยู่กับอียูต่อไป
ด้านนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ซึ่งเป็นแกนนำสนับสนุนอียูประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า อังกฤษต้องการผู้นำประเทศคนใหม่เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการออกจากอียู และควรมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในช่วงเริ่มการประชุมพรรคอนุรักษนิยมในเดือน ต.ค.
สำนักข่าวบีบีซี ชี้ 8 เหตุผลที่ทำให้กลุ่มสนับสนุนออกจากยุโรปคว้าชัยนะ ได้แก่
1.ประเด็นทางเศรษฐกิจ โดยแม้ประชาชนได้รับข่าวสารจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ระบุว่า ชาวอังกฤษจะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมหาศาลถ้าออกจากอียู แต่ผู้คนกลับไม่พอใจต่อการไม่ได้รับประโยชน์จากอียูมากกว่าจะตื่นกลัวจากคำเตือนดังกล่าว
2.งบประมาณด้านบริการสุขภาพที่ส่งให้อียูสัปดาห์ละมากกว่า 350 ล้านปอนด์ (ราว 1.7 หมื่นล้านบาท) โดยหลายฝ่ายเห็นว่า งบประมาณดังกล่าวสามารถนำมาพัฒนาอังกฤษมากกว่า
3.ฝ่ายหนุนโหวตออกจุดประเด็นผู้อพยพ โดยระบุว่า อังกฤษไม่สามารถควบคุมจำนวนผู้อพยพได้เลย และได้ใจผู้กังวลเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ทั้งต่อสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผู้กังวลมากกว่าที่คาดไว้ในทีแรก
4.คาเมรอนสิ้นความนิยม แม้จะชนะการเลือกตั้ง 2 ครั้ง และการทำประชามติอีก 2 ครั้ง ในรอบ 10 ปี แต่ครั้งนี้ ประชาชนและฝ่ายที่ต้องการออกจากอียูในพรรคอนุรักษนิยม ต่างเห็นว่า ข้อตกลงที่คาเมรอนทำกับอียูก่อนการทำประชามตินั้นไม่เพียงพอ
5.พรรคแรงงานไม่ได้ช่วยเท่าที่ควร โดยพรรคแรงงานส่วนใหญ่สนับสนุนให้อยู่กับอียู แต่กลับล้มเหลวในการรณรงค์หาเสียง
6.บอริส จอห์นสัน อดีตนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน และไมเคิล โกฟ รัฐมนตรียุติธรรม เป็นคู่ที่เสริมการหาเสียงของฝ่ายเบร็กซิต โดยจอห์นสัน เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชน ในขณะที่โกฟชำนาญด้านกลยุทธ์
7.ผู้สูงอายุ โดยกลุ่มผู้สูงอายุมักเป็นกลุ่มที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่ากลุ่มอื่นๆ เช่น ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2015 ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี ออกมาใช้สิทธิ 78% ของทั้งหมด เทียบกับช่วงอายุ 18-24 ปี ที่ 43% และจากผลสำรวจยูโกฟก่อนหน้านี้ ระบุว่า ประชาชนอายุมากกว่า 65 ปี ต้องการออกจากอียูมากกว่า 65%
8.อังกฤษไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับอียูมากอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป เปิดเผยว่า จะยังคงรวมเป็นสหภาพยุโรปด้วย 27 ประเทศต่อไป และจะมีการประชุมในสัปดาห์นี้เพื่อรับมือเรื่องดังกล่าวโดยปราศจากอังกฤษเข้าร่วม ในขณะที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีต่อสายตรงเพื่อหารือกันในวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งตัวแทนจากพรรครีพับลิกันสู้ศึกประธานาธิบดีสหรัฐ เดินทางไปยังสกอตแลนด์เพื่อเฉลิมฉลองเบร็กซิต โดยระบุว่า การออกจากอียูเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก และประชาชนอังกฤษทำถูกต้องในการทวงคืนประเทศ
“พวกเขาโกรธเรื่องพรมแดน พวกเขาโกรธผู้คนที่เข้ามาในประเทศและครองประเทศ ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาเป็นใคร พวกเขาโกรธในหลายสิ่งหลายอย่าง” ทรัมป์ กล่าวในสนามกอล์ฟซึ่งทรัมป์เป็นเจ้าของ


