กรีซผ่านแผนปฏิรูปใหม่ "ขึ้นภาษี-ลดบำนาญ"
กรีซผ่านมาตรการปฏิรูปใหม่ หวังขอเงินช่วยเพิ่ม ด้านรัฐมนตรีคลังยุโรปเริ่มถกอนุมัติเงินช่วยเหลือ
กรีซผ่านมาตรการปฏิรูปใหม่ หวังขอเงินช่วยเพิ่ม ด้านรัฐมนตรีคลังยุโรปเริ่มถกอนุมัติเงินช่วยเหลือ
สมาชิกสภานิติบัญญัติของกรีซลงมติผ่านมาตรการปฏิรูปภาษีและเงินบำนาญด้วยมติ 153 เสียงจาก 300 เสียงในสภา โดยฝ่ายค้านทั้งหมดลงคะแนนคัดค้าน ขณะที่รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนได้เริ่มการประชุมฉุกเฉินในวันที่ 9 พ.ค. เพื่อหารือว่าจะอนุมติเงินช่วยเหลือรอบใหม่ให้กรีซหรือไม่
ก่อนหน้านี้ การเจรจาประเด็นหนี้สินยืดเยื้อมาเป็นเวลาหลายเดือน และกรีซต้องการยุติประเด็นดังกล่าว เพื่อเปิดทางสู่การขอรับวงเงินช่วยเหลือครั้งที่ 3 มูลค่าราว 8.6 หมื่นล้านยูโร (ราว 3.4 แสนล้านบาท) ก่อนถึงกำหนดชำระหนี้รอบใหญ่ในเดือน มิ.ย.และเดือน ก.ค.
รายงานระบุว่า มาตรการใหม่มีเป้าหมายเพิ่มงบประมาณเกินดุลของกรีซให้มีสัดส่วนถึง 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ด้วยการปรับขึ้นภาษีเงินได้สำหรับผู้มีรายได้สูง และลดช่วงรายได้การงดเว้นภาษี
นอกจากนี้ กรีซยังวางแผนขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และเก็บภาษีจากสินค้าและบริการอื่นเพิ่มขึ้น อย่างค่าเชื้อเพลิง ยาสูบ การพักค้างคืนในโรงแรม และการใช้อินเทอร์เน็ต
สำหรับเงินบำนาญที่จ่ายให้ข้าราชการทั่วประเทศนั้น จะอยู่ที่ 384 ยูโร/เดือน (ราว 1.5 หมื่นบาท) หลังทำงานมาเป็นเวลา 20 ปี ซึ่งเป็นการยกเลิกผลประโยชน์ของผู้รับบำนาญยากจน
สหภาพแรงงานหลายแห่งนัดหยุดงานประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลกรีซ ซึ่งส่งผลให้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะไม่สามารถใช้การได้เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน ขณะที่ประชาชนกรีซราว 2.6 หมื่นคนชุมนุมประท้วงบริเวณถนนหลายสายในกรุงเอเธนส์และเทสซาโลนีกี
ส่วนเอเอฟพีรายงานว่า ก่อนการลงมติอนุมัติมาตรการปฏิรูปใหม่ เกิดการปะทะนอกรัฐสภาในกรุงเอเธนส์ โดยกลุ่มเยาวชนได้โยนระเบิดมือเข้าไปในบริเวณดังกล่าว จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม
ด้านรัฐมนตรีคลังของอียูได้เริ่มการประชุมในวันที่ 9 พ.ค.ที่เมืองบรัสเซลส์ หลังจากที่กรีซมีมติผ่านมาตรการปฏิรูปรอบใหม่ เพื่อหารือเกี่ยวกับมอบเงินช่วยเหลือกรีซเพิ่มเติมเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของประเทศ
ขณะเดียวกัน อิบซอส-โมรี องค์กรวิจัยตลาดในอังกฤษ เปิดเผยผลสำรวจในระหว่างวันที่ 25 มี.ค.-8 เม.ย. ซึ่งระบุว่า ประชาชนกว่า 6,000 คนใน 8 ประเทศอียู ที่ประกอบด้วย เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี อิตาลี โปแลนด์ สเปน และสวีเดน ต้องการออกเสียงลงประชามติการเป็นสมาชิกอียูเช่นเดียวกับอังกฤษที่จะจัดประชามติในเดือน มิ.ย. โดยชาวอิตาลีและฝรั่งเศสต้องการออกจากอียูมากที่สุดถึง 48% และ 41% ตามลำดับ
ภาพ...เอเอฟพี


