ทะเลจีนใต้ส่อแววเดือด จีนลุยเสริมแกร่งทางทหาร
ความตึงเครียดในทะเล จีนใต้เริ่มมีมากขึ้นอีก เมื่อรัฐบาลจีนได้เปิดเผยแผนที่จะเสริมกำลังทางทหารทั้งในทะเล-อากาศ
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
ความตึงเครียดในทะเล จีนใต้เริ่มมีมากขึ้นอีก เมื่อรัฐบาลจีนได้เปิดเผยแผนที่จะเสริมกำลังทางทหารทั้งในทะเล-อากาศ
รัฐบาลจีนเปิดเผยสมุดปกขาวระบุว่า กองทัพเรือของจีนจะเพิ่มกำลังของกองทัพในทะเลให้มากขึ้น โดยจะมุ่ง “ปกป้องพื้นที่ในทะเลเปิด” มากขึ้น มากกว่าปกป้องน่านน้ำนอกชายฝั่งเพียงอย่างเดียว และจะมีนโยบายทางอากาศที่แข็งกร้าวมากขึ้นเช่นกัน โดยจะเปลี่ยนจากการปกป้องน่านฟ้าไปเป็นทั้ง “การปกป้องและการโจมตี”
มาตรการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่จีน ระบุว่า กำลังเผชิญภัยคุกคามทางความมั่นคงที่ซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหมายถึงข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วย และมาตรการนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้มีเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย หลังจากที่มีภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่า จีนได้สร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ดังกล่าว
ด้านของ หยางหยูจุน โฆษกกระทรวงกลาโหมแดนมังกร ระบุว่า กิจกรรมที่อ้างสิทธิของจีนในหมู่เกาะสแปรตลีย์ก็เหมือนกับการสร้างบ้านและถนนบนจีนแผ่นดินใหญ่เช่นกัน
“ในมุมของอำนาจอธิปไตยแล้ว นี่ไม่มีอะไรแตกต่างกันแม้แต่น้อย”หยาง ระบุ
ขณะเดียวกัน โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนยังระบุต่อไปว่า บางประเทศที่มีแรงจูงใจแอบแฝงมีท่าทีต่อกองทัพจีนที่ลำเอียง และทำให้เรื่องดังกล่าวดูเกินกว่าความเป็นจริง พร้อมกับกล่าวด้วยว่า การลาดตระเวนในทะเลจีนใต้มีมากขึ้น และจีนจะออกมาตรการออกมาตอบโต้
“ประเทศซึ่งอยู่ภายนอกบางประเทศได้เข้ามาแทรกแซงกิจการในทะเลจีนใต้ ซึ่งยังมีการลาดตระเวนทั้งทางเรือและทางอากาศเข้า
มาใกล้จีนมากขึ้น” สมุดปกขาวระบุ โดยไม่ได้ระบุถึงประเทศใดประเทศหนึ่งโดยตรง แต่ก็คาดว่าจีนหมายถึงสหรัฐนั่นเอง
ความตึงเครียดที่มากขึ้นในทะเลจีนใต้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อในวันเดียวกัน ทางการจีนยังได้จัดพิธีวางเสาเอกการก่อสร้างประภาคารความสูง 50 เมตร 2 หลังในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ด้วย โดยจีนระบุว่าการกระทำดังกล่าวก็เพื่อเสริมความปลอดภัยในน่านน้ำของหลายๆ ประเทศ
หัวชุนหยิง โฆษกของกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุระหว่างแถลงข่าวว่า การสร้างประภาคารอเนกประสงค์ 2 หลังนั้นมีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบ และหน้าที่ระหว่างประเทศของจีนให้มากขึ้น
จากความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นได้ส่งผลให้รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมทางการทหารและกลาโหมของไอเอชเอส บริษัทข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลของสหรัฐ ระบุว่า ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะแนวโน้มที่จะมีการใช้จ่ายทางทหารเพิ่มมากขึ้น
รายงานประเมินว่า ยอดการใช้จ่ายทางการทหารในภูมิภาคต่อปีจะพุ่งไปอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.7 ล้านล้านบาท) จากที่ประเมินว่าในปีนี้จะอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน ในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะมียอดการใช้จ่ายซื้ออุปกรณ์ทางการทหารใหม่ๆ เป็นวงเงิน 5.8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.9 ล้านล้านบาท)
ความสามารถทางการทหารที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างออกมาแสดงความกังวลว่า หากมีเหตุการณ์การปะทะกันเกิดขึ้นจะทำให้เกิดความรุนแรงได้มากขึ้นเช่นกันด้วย
“เนื่องจากความสามารถในน่านน้ำที่มากขึ้น นั่นหมายความว่า ระยะและความร้ายแรงของกำลังการโจมตี (ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) มีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากมีการเผชิญหน้าและมีความตึงเครียดมากขึ้น ก็เป็นไปได้ว่าความขัดแย้งจะดุเดือดมากยิ่งขึ้น” ทิม ฮักซ์เลย์ ผู้อำนวยการของสถาบันเพื่อการศึกษาเชิงกลยุทธ์ระหว่างประเทศในเอเชีย ระบุ
ด้านของไต้หวัน ซึ่งเป็นมีข้อพิพาทในพื้นที่ดังกล่าวเช่นเดียวกันได้ออกมาเสนอแผนเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด โดยประธานาธิบดี หม่าอิงจิ่ว ของไต้หวัน ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเพิกเฉยต่อข้อพิพาทด้านอธิปไตย ทว่าให้ร่วมกันค้นหาทรัพยากรที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
กระนั้นก็ตาม ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่น่าจะมีการตอบรับอย่างเปิดเผยต่อแผนของผู้นำไต้หวัน เนื่องจากว่าไม่มีความสัมพันธ์เชิงการทูตร่วมกับรัฐบาลของประธานาธิบดีหม่าเท่าไรนัก


