ศก.ฟุบสะเทือนนิคมศรีโสภณ
ที.เค.การ์เม้นท์ ชี้เศรษฐกิจโลกไม่ดีทำลูกค้าชะลอลงทุน เล็งดูสถานการณ์ 2-3 เดือน ก่อนฟันธงอนาคตนิคมฯ ศรีโสภณ
ที.เค.การ์เม้นท์ ชี้เศรษฐกิจโลกไม่ดีทำลูกค้าชะลอลงทุน เล็งดูสถานการณ์ 2-3 เดือน ก่อนฟันธงอนาคตนิคมฯ ศรีโสภณ
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เค.การ์เม้นท์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมศรีโสภณในประเทศกัมพูชา ว่า ขณะนี้การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมค่อนข้างเงียบ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยไม่ดี ทำให้นักลงทุนชะลอการตัดสินใจซื้อพื้นที่เพื่อตั้งโรงงานผลิตภายในนิคมฯ ดังนั้นบริษัทจะรอดูสถานการณ์อีก 2-3 เดือน ก่อนตัดสินใจว่าจะเดินหน้าลงทุนโครงการต่อ หรือให้นักลงทุนจีนเข้ามาซื้อกิจการ (เทกโอเวอร์)
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร เพราะอยู่ระหว่างเจรจากับนักธุรกิจจีนที่สนใจซื้อกิจการ แต่เราไม่ต้องรีบร้อนขาย เพราะไม่มีปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากใช้เงินสดในการลงทุน แต่หากจะตัดสินใจขายจริงก็ต้องดูก่อนว่าคุ้มหรือไม่” นายทวีกิจ กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนจีนสนใจซื้อนิคมฯ ดังกล่าว เนื่องจากต้องการขยายการลงทุนในภูมิภาคนี้มากขึ้น และกัมพูชาเป็นตลาดที่จีนให้ความสนใจ เช่นเดียวกับนักลงทุนสิงคโปร์และเกาหลี ที่เพิ่มการลงทุนในกัมพูชาเช่นกัน
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมศรีโสภณ มีพื้นที่เกือบ 500 ไร่ตั้งอยู่ในเมืองศรีโสภณ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ของกัมพูชา ใช้เงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นที่สนใจตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วันของไทย รวมทั้งเพื่อใช้สิทธิพิเศษทางภาษี (จีเอสพี) ในการส่งออกสินค้าไปสหภาพยุโรป (อียู)
ปัจจุบันมีนักลงทุนเข้าไปตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวเพียง 2 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นโรงงานผู้ผลิตเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม โดยหนึ่งในนั้นคือ บริษัท ที.เค.การ์เม้นท์ ที่ตั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป ด้วยเงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อเป็นโรงงานนำร่องในการรับจ้างผลิตสินค้า (โออีเอ็ม) ให้กับแบรนด์ต่างๆ เกือบ 100 แบรนด์ เช่น เอฟคิว แอนด์ แอล บอดี้โกลฟ เพลย์บอย และคาเมล ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านชิ้น/เดือน มีพนักงานราว 3,000 คน
นายทวีกิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่ายอดคำสั่งซื้อ (ออร์เดอร์) ได้หายไปประมาณ 10-20% ซึ่งเป็นผลกระทบจากทางประเทศอียูที่ส่งออก เช่น สวีเดน และอิตาลี ลดออร์เดอร์การสั่งสินค้าลง เหตุผลหนึ่งน่าจะเกิดจากเศรษฐกิจอียูชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้า โดยไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการถูกตัดสิทธิจีเอสพีด้วย
ขณะที่เรื่องปัญหาแรงงานที่หลายคนกังวลว่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะแรงงานกัมพูชาส่วนใหญ่เข้ามาทำงานในไทย เพื่อรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วันนั้น ไม่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจของ
นิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชา เพราะยังมีแรงงานเหลืออีกจำนวนมาก
นอกจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัท ที.เค.การ์เม้นท์ ยังทำธุรกิจอื่นในกัมพูชา เช่น โรงแรม ร้านอาหารและบริษัททัวร์ ซึ่งธุรกิจยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามเศรษฐกิจกัมพูชา


