posttoday

อภิมหาเศรษฐีแค่1% ครองความมั่งคั่งครึ่งโลก

20 มกราคม 2558

องค์กรต่อสู้ความยากจน เผยมหาเศรษฐีมีแนวโน้มครอบครองความมั่งคั่งครึ่งหนึ่งของโลกภายในปี 2016

องค์กรต่อสู้ความยากจน เผยมหาเศรษฐีมีแนวโน้มครอบครองความมั่งคั่งครึ่งหนึ่งของโลกภายในปี 2016

องค์กรต่อสู้เพื่อความยากจน (ออกซ์แฟม) เปิดเผยรายงานโดยมุ่งหมายไปถึงผู้เข้าร่วมประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรั่ม ในวันที่ 21-24 ม.ค.นี้ ว่า ปี 2014 ที่ผ่านมา มหาเศรษฐีซึ่งร่ำรวยที่สุด 1% ของโลกครอบครองความมั่งคั่งถึง 48% ของความมั่งคั่งทั่วโลก เมื่อเทียบกับปี 2009 ที่มหาเศรษฐีเหล่านั้นครอบครองอยู่ที่เพียง 44% เท่านั้น และมีแนวโน้มที่จะครอบครองความมั่งคั่งถึง 50% ภายในปี 2016 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่องว่างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนและคนรวยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น

ออกซ์แฟม ระบุว่า ประชาชนมากกว่าพันล้านคนมีรายได้อย่างมากเพียง 1.25 เหรียญสหรัฐ/วัน (ราว 40 บาท/วัน) ในขณะที่ข้อมูลจากดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก ระบุว่า มหาเศรษฐีมีความร่ำรวยเพิ่มขึ้น 9.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2014

ออกซ์แฟมยังเปิดเผยอีกด้วยว่า มหาเศรษฐี 1 ใน 5 ของโลก มีความสนใจในภาคส่วนการเงินและการประกันภัย โดยความมั่งคั่งในภาคส่วนดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% ในปี 2014

“ออกซ์แฟมมีความกังวลว่าการเข้ามามีอิทธิพลของเศรษฐีในภาคส่วนดังกล่าว จะเป็นกำแพงสำคัญที่ขัดขวางการปฏิรูประบบภาษีของโลก” ออกซ์แฟมระบุในแถลงการณ์

ทั้งนี้ ประธานาธิบดี บารัก โอบามาแห่งสหรัฐ เตรียมการจำกัดรายได้สุทธิที่มาจากการลงทุนของประชาชน รวมถึงขึ้นภาษีสำหรับกำไรที่ได้รับจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็น 28% จากเดิม 23.8% รวมถึงกำหนดภาษีมรดกในส่วนที่เป็นกำไรจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และทรัพย์สินอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า องค์กรจัดเก็บภาษีของจีนออกมาตรการการจัดเก็บภาษีประชาชนและภาคเอกชนที่มีรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีไปยังประเทศอื่น โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.พ.เป็นต้นไป