ตราไก่...ทีมที่โดนคำสาป
กลุ่มอีเป็นกลุ่มที่ไม่แข็งแกร่ง มีเพียง “ตราไก่” ฝรั่งเศส อดีตแชมป์โลกปี 1998 ที่น่าเกรงขาม ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ และเอกวาดอร์
กลุ่มอีเป็นกลุ่มที่ไม่แข็งแกร่ง มีเพียง “ตราไก่” ฝรั่งเศส อดีตแชมป์โลกปี 1998 ที่น่าเกรงขาม ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ และเอกวาดอร์ น่าจะเป็นอีกทีมที่ต้องแย่งชิงเพื่อที่จะเข้ารอบสองต่อไป ส่วนฮอนดูรัสน่าจะจอดป้ายแค่รอบแรก
ฝรั่งเศส (อันดับ 16 โลก)
ผลงานของ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 4 ครั้งหลังสุดนั้น ถือว่าลุ่มๆ ดอนๆ และเข้ารอบสุดท้ายแบบไม่สง่างามมาถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก เกมเพลย์ออฟ นัดสอง เมื่อ เธียร์รี อองรี ใช้มือปัดบอลก่อนที่จะส่งต่อให้ วิลเลียม กัลลาส์ โหม่งประตูชัย ช่วงต่อเวลาพิเศษให้ฝรั่งเศสชนะไอร์แลนด์ 2-1 (90 นาที เสมอ 11) ผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย ท่ามกลางเสียงก่นด่าของแฟนบอลไอริช เช่นเดียวกับฟุตบอลโลกครั้งนี้ ฝรั่งเศสต้องเหนื่อยเล่นรอบเพลย์ออฟอีกครั้ง นัดแรก ที่เคียฟ พวกเขาแพ้ 0-2 ก่อนที่จะกลับมาเล่นในบ้านเอาชนะยูเครน 3-0 แต่ประตูที่สอง คาริม เบนเซมา ซัดประตูในจังหวะล้ำหน้าแหงๆ ดูเหมือนว่าในรอบเพลย์ออฟทั้งสองครั้ง ขุนพล “ตราไก่” จะโกงความตายเข้ามา ต้องดูว่ารอบสุดท้ายที่บราซิลพวกเขาจะฝ่าด่านเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่ หรือจะโดนคำสาปตกรอบแรกแบบไม่ชนะใครอีกครั้ง
ผู้จัดการทีม
ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ก้าวขึ้นมาคุมทีมชาติชุดใหญ่เมื่อปี 2012 และอดีตกุนซือโมนาโก เพิ่งต่อสัญญาคุมทัพ “ตราไก่” ไปจนถึงปี 2016 สมัยเป็นนักเตะ เขาคือมิดฟิลด์ประเภทปิดทองหลังพระ และเป็นกัปตันทีมชาติชุดสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์โลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000
“เรามาเพื่อที่จะเข้ารอบให้ลึกที่สุด และถ้าทุกอย่างเป็นใจ ถ้วยแชมป์โลกน่าจะไปอยู่ที่ปารีส” เดส์ชองส์ กล่าว
สตาร์ประจำทีม
ฝรั่งเศสยังคงต้องพึ่ง ฟรองค์ ริเบรี มิดฟิลด์บาเยิร์น มิวนิก ที่ฟอร์มคงเส้นคงวามากที่สุดทั้งในทีมชาติและสโมสร ส่วน คาริม เบนเซมา อยู่ในสภาพฟอร์มฝืด แต่อีกคนที่น่าจับตามองที่สุดน่าจะเป็น พอล ป็อกบา มิดฟิลด์ดาวรุ่ง ซึ่งยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ระดับแถวหน้าของยุโรป นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม ยูเวนตุส เขามีความแข็งแกร่ง มีทักษะและการยิงประตูที่ยอดเยี่ยม และจนถึงทุกวันนี้ หลายคนสงสัยว่าทำไมสมัยที่อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น เขาจึงได้รับโอกาสจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้ลงสนามน้อยเหลือเกิน
เป้าหมาย ยังคงเป็นอาถรรพ์สำหรับทีมฝรั่งเศส ที่เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายนอกแผ่นดินยุโรปไม่เคยผ่านรอบแรก มีเพียงฟุตบอลโลกปี 1982 ที่เม็กซิโก เพียงครั้งเดียวที่ผ่านรอบน็อกเอาต์ มาครั้งนี้พวกเขาต้องการลบล้างอาถรรพ์และต้องการไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
สวิตเซอร์แลนด์ (อันดับ 8 โลก)
นักเตะ “นาฬิกา” ถูกจับเป็นทีมวางในการจับสลากแบ่งกลุ่ม หลายคนตั้งคำถามว่าพวกเขาดีพอหรือไม่ สไตล์การเล่นของสวิสเน้นทีมเวิร์กเป็นหลัก ไม่มีดาวดัง ผลงานของสวิตเซอร์แลนด์ในเกมอุ่นเครื่องเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าชัยชนะในครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องฟลุก พวกเขาชนะทั้งเยอรมนี 53 เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2012 และชนะบราซิล 1-0 เดือน ส.ค. ปี 2013 แม้ช่วงนี้เป็นช่วงผลัดใบของทีมนักเตะจากแดนนาฬิกา ฟุตบอลโลกครั้งนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่ทัพนักเตะดาวรุ่งจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้ แต่ต้องขอบอกว่าไม่ใช่งานง่ายหากใครคิดจะผ่านพวกเขา
ผู้จัดการทีม
อ๊อตมาร์ ฮิทซ์เฟลด์ ชาวเยอรมัน ถือเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของยุโรป พาดอร์ตมุนด์ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1997 และบาเยิร์น มิวนิก ในรายการเดียวกัน ปี 2001 ได้รับแต่งตั้งให้มาคุมทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ปี 2008 ก่อนพาทีมไปฟุตบอลโลก 2010 สำเร็จ เกมทัวร์นาเมนต์เป็นสิ่งที่ขรัวเฒ่าเมืองเบียร์ถนัดเป็นยิ่งนัก
“นักเตะชุดนี้เพิ่งรวมตัวกันได้ไม่นาน แต่ผมเชื่อว่าพลังหนุ่มจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างไปได้”
สตาร์ประจำทีม
ทีมชุดนี้มีนักเตะชื่อดังที่เล่นในลีกชั้นนำของยุโรปเป็นกำลังหลักหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เซอร์ดาน ชาคิรี ปีกตัวจี๊ดของบาเยิร์น มิวนิก, โกคาน อินเลอร์ มิดฟิลด์นาโปลี และ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ แบ็กขวายูเวนตุส ยิ่งการมีฮิทซ์เฟลด์คุมทีมด้วยแล้ว แฟนบอลชาวสวิสอาจจะฝันถึงครั้งที่ทีมไปได้ไกลถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ในฟุตบอลโลก 1954 ที่บ้านตัวเองได้
เป้าหมาย พวกเขาอยากจะสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 8 ทีมเหมือนเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่ต้องถามความพร้อมของตัวเองว่าพวกเขาจะผ่านฝรั่งเศสและเอกวาดอร์ได้หรือไม่ในรอบแบ่งกลุ่มนี้ ถ้าพวกเขาทำได้ แน่นอนเป้าหมายย่อมไม่ไกลเกินฝัน
เอกวาดอร์ (อันดับ 28 โลก)
เอกวาดอร์ ทีมดังจากอเมริกาใต้ เป็นทีมที่มีนักเตะในเกมรุกที่มีฝีเท้าดีอย่างไม่ต้องสงสัย หลายคนคงจำ คริสเตียน เบนิเตซ ได้ดี เขาเพิ่งเสียชีวิตด้วยหัวใจวายเฉียบพลันเมื่อปีที่แล้ว นั่นเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลเอกวาดอร์ สำหรับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนอเมริกาใต้ เกมในบ้านถือเป็นอาวุธเด็ดของทีมที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,800 เมตรทีมนี้ แต่ปัญหาอยู่ที่เกมนอกบ้าน พวกเขาชนะไม่ได้เลยแม้แต่นัดเดียวจาก 8 เกม โดยทำได้แค่เสมอ 3 นัด
ผู้จัดการทีม
เรนัลโด้ รูเอด้า กุนซือชาวโคลัมเบียน วัย 56 ปี ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญการไต่เต้าในอาชีพคุมทีมแบบขั้นต่อขั้น หลังจากตัดสินใจผันตัวจากการทำทีมระดับสโมสรมาเป็นโค้ชให้กับทีมเยาวชนของโคลัมเบีย แล้วค่อยขึ้นไปคุมทีมชาติชุดใหญ่ รูเอด้า ยังเคยนำฮอนดูรัสไปเล่นในฟุตบอลโลก 2010 มาแล้ว ก่อนจะมารับงานกับทีมชาติเอกวาดอร์ไม่นานหลังจากนั้น
“ยอมรับว่าเราต้องทำการบ้านอย่างหนัก แม้ว่ารอบคัดเลือกจะยากแล้ว แต่รอบสุดท้ายมันต้องหนักกว่าหลายเท่า พวกเราขอทำหน้าที่เพื่อชาติให้ดีที่สุด”
สตาร์ประจำทีม
หัวใจสำคัญของทีมอยู่ที่ อันโตนิโอ วาเลนเซีย แม้ว่าเขาจะเล่นตำแหน่งตัวริมเส้นในระดับสโมสรกับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ในทีมชาติบทบาทสำคัญของเขาคือมิดฟิลด์ตัวรุกที่เล่นตรงกลาง พวกเขายังจะต้องพึ่งพากองหน้าอย่าง เฟลิเป ไซเซโด ให้รักษาฟอร์มเก่งที่ทำได้กับทีมชาติมาตลอดให้ได้ ต้องดูว่า วาเลนเซีย จะพาทีมไปได้ไกลแค่ไหน
เป้าหมาย พวกเขาไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเลย จนกระทั่งเวิลด์คัพ 2002 ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ครั้งนี้จึงเป็นการไปลุยมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นครั้งที่ 3 ของเอกวาดอร์ และมันยังเป็นผลงานชิ้นโบแดงหนึ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในช่วงหลัง และฟุตบอลโลกครั้งนี้พวกเขาตั้งเป้าเพื่อเข้ารอบสองให้ได้
ฮอนดูรัส (อันดับ 30 โลก)
ฮอนดูรัสผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกันได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม หากพวกเขาผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้คงถือเป็นเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ ชื่อชั้นของนักเตะในทีมคือสิ่งที่ขาดหายไป จนถูกมองว่าเป็นหนึ่งในทีมไม้ประดับสำหรับฟุตบอลโลกครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม จุดที่พวกเขาอาจจะได้เปรียบก็คือเรื่องความคุ้นเคยกับสภาพอากาศร้อนชื้นในบราซิล
ผู้จัดการทีม
หลุยส์ เฟอร์นานโด ซัวเรซ กุนซือชาวโคลัมเบีย เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2011 และไม่เพียงพาทีมเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกเท่านั้น เขายังพาฮอนดูรัสเข้ารอบตัดเชือก โกลด์ คัพ 2 สมัยหลังสุด แถมยังพาทีมชาติชุด ยู 23 เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ด้วย และก่อนหน้านี้ กุนซือวัย 53 ปี ก็เคยมีประสบการณ์พาเอกวาดอร์เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ในฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี
“ถ้ามองกันตามชื่อชั้นเราอ่อนที่สุดของกลุ่ม แต่ฟุตบอลบางทีก็มีเทพีแห่งโชคเข้าข้าง ไม่แน่วันนั้นอาจจะเป็นวันของเรา”
สตาร์ประจำทีม
ยังนึกชื่อไม่ออกว่านักเตะดาวเด่นจากประเทศนี้คือใคร ที่พอจะคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง เห็นจะเป็น วิลสัน ปาลาซิออส กองกลางตัวแกร่ง รวมถึง โรเจอร์ เอสปิโนซา และ เจอร์รี เบงท์สัน กองหน้าที่จำเป็นต้องระเบิดฟอร์มเก่งยิงประตูเหมือนที่ผ่านๆ มาให้ได้อีกครั้ง
เป้าหมาย ฮอนดูรัสยังไม่ชนะใครเลยในการลงเล่นฟุตบอลโลก 2 สมัยที่ผ่านมา (1982 และ 2010) โดยเสมอ 3 แพ้ 3 ส่วนในฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้เมื่อ 4 ปีก่อน พวกเขาแพ้ชิลีและสเปนแบบไม่น่าเกลียด ก่อนจะเสมอกับสวิตเซอร์แลนด์ และตกรอบไปแบบภาคภูมิ แม้จะยิงไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียวก็ตาม ครั้งนี้พวกเขาหวังเหลือเกินว่าจะเก็บ 3 แต้มสักนัดก็น่าจะพอใจ


