เสือภาษิต..
มาว่ากันด้วยเรื่องสำนวนและสุภาษิตเกาหลีต่อจากสัปดาห์ที่แล้วค่ะ.... ซ๊กตำ
โดย...เพียงออ วิไลย [email protected]
มาว่ากันด้วยเรื่องสำนวนและสุภาษิตเกาหลีต่อจากสัปดาห์ที่แล้วค่ะ.... ซ๊กตำ หรือ “สุภาษิต” ที่สืบทอดกันมา มักสะท้อนเรื่องราวรอบๆ ตัวของมนุษย์ ซึ่งทำให้เรารู้ได้ว่าความเชื่อค่านิยมสังคมในอดีตเป็นอย่างไร และความเชื่อนั้นยังมีอิทธิพลต่อมาในความนึกคิดของคนในปัจจุบัน... เนื่องจากเกาหลีมีพื้นที่ป่าเขาจำนวนมากประกอบกับเป็นสังคมเกษตรกรรม ดังนั้น สุภาษิตที่เกี่ยวกับสัตว์จึงมีมากมายหลายหลาก หากพูดถึงสัตว์ที่มีความน่าเกรงขาม คงไม่ใช่ช้างอย่างแถบเอเชียใต้ ทว่า เป็น “โฮรางงิ” หรือ เสือ ซึ่งมีเรื่องราวที่แต่งเติมกันให้มีความพิสดารมากมาย เช่น “เสือกลัวลูกพลับแห้ง” เพราะเด็กไม่หยุดร้องไห้เมื่อถูกขู่ว่าเสือจะมา แต่กลับหยุดร้องได้เมื่อแม่เอาลูกพลับแห้งให้ เสือจึงเข้าใจผิดว่าไอ้เจ้าลูกพลับแห้งนั้นคงต้องมีความน่ากลัวมากกว่ามัน เป็นแน่...
สุภาษิตเกาหลีส่วนใหญ่ผสมผสานกับสุภาษิตจีนเพราะมีวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดกัน เช่น คำที่เราได้ยินกันบ่อยจากนิยายกำลังภายในที่ว่า “อยากได้ลูกเสือต้องเข้าถ้ำเสือ” ... เมื่อเดินทางมาถึงเกาหลี ปรากฏว่า คนเกาหลีเขายังไม่อยากจับลูกเสือหรอกค่ะ ถลกหนังก็ได้ผืนเล็ก จับตัวใหญ่ดีกว่า จึงเหลือสำนวนเพียง “จะจับเสือต้องเข้าถ้ำเสือโฮรางงิ กุลเร คาย้า โฮรางิรึล ฉับนึนด๊ะ” ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกัน ว่า ต้องการอะไรก็ต้องไปถึงต้นตอของสิ่งนั้น แม้ว่าจะมีอันตรายก็ตามที ส่วนความหมายโดยนัย อาจแปลได้ว่าสิ่งที่ต้องการที่มีมูลค่าสูงนั้นไม่ได้มาง่ายๆ ต้องทุ่มเทและมีความเสี่ยงเสมอ ...
เอาล่ะ คราวนี้บรรดา “อาจอชี่” ทั้งหลาย ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านก็พากันถือคบเพลิง มีดไม้ ธนู เสี่ยงเดินเข้าถ้ำไป ทว่า ความซวยมาเยือนเมื่อไปเจอเสือ 11 ตัวอยู่ในถ้ำ จึงอดใจไม่ไหวเมาได้ที่พอดี สุดท้ายเพลี่ยงพล้ำถูกเสือต้อนวิ่งเตลิดหนีไปจนมุมที่ก้นถ้ำแล้วจะทำอย่างไร เวลานั้น อาจอชี่ บางคนอาจมีสตินึกขึ้นได้ จึงตะโกนบอกเพื่อนๆ ด้วยสำนวนปลุกใจในสำเนียงชาวใต้แบบ ชอลลาโด ว่า “โฮร้างงิเอเก มุ้ลรยอค้าโด้ ช้องชินม้าน ชาริเมียน ซานด๊ะ !!!” “ถึงเสือจะไล่ต้อนจนมุม แต่ถ้ามีสติเราก็รอดชีวิตได้นะ พรรคพวก” ... ทั้งนี้ เสือเป็นตัวแทนของสถานการณ์ขั้นวิกฤต ซึ่งน่าจะคล้ายกับสำนวนไทยว่า “ทำใจดีสู้เสือ” ...แต่สำนวนเกาหลีเน้นที่การมีสติเพราะแม้จะอยู่ในวิกฤตก็ตามทีแต่ทุกเรื่องมีทางออกเสมอ หากสติแตกหรือถูกพัดให้ไหลไปในกระแสวิกฤตนั้นก็คงไม่รอดแน่...
นอกจากเป็นตัวแทนของวิกฤตแล้ว เสือยังเป็นสัญลักษณ์ของ ความลี้ลับหรือของหายาก เช่น หากพูดถึงสิ่งใดที่มันนานๆๆๆ มาแล้วเป็นหลายชาติภพ สำนวนหนึ่งบอกว่า “ตั้งแต่เมื่อเสือสูบยาได้โฮรางงิ ทัมแบ พิต้อน ซีจอล”... ในที่นี้ มิใช่ขุนโจรเสือร้ายอะไร แต่คาดว่าจะเป็นเสือในตำนาน 5,000 ปี ตั้งแต่สมัยกำเนิดชนชาติเกาหลีที่ เสือ กับ หมี แข่งกันถือศีล อดอาหารในถ้ำเพื่อให้ได้กลายร่างเป็นมนุษย์สุดสะคราญ ท้ายที่สุด นางหมีมีความอดทนมุ่งมั่นกว่าจึงสามารถสวดมนต์ภาวนาอดอาหารได้ถึง 100 วัน กลายเป็นมนุษย์สมใจ ต่อมา นางได้เป็นสนมแห่งเทพจึงให้กำเนิดโอรสแห่งสวรรค์ซึ่งเป็นชายเกาหลีคนแรกของโลก !!! ... ส่วนนางเสือเมื่อพ่ายแพ้จึงได้กระโจนหนีหายไปในพงไพร คาดว่านางคงหงุดหงิดเสียใจอยู่เหมือนกันจึงเริ่มติดบุหรี่ ... ฮ่า... ตำนานตอนนี้อ่านเอาสนุกนะคะ อย่าถือเป็นจริงจังเพราะสำนวนนี้บอกอยู่แล้วว่า มันนานมากจนไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า จริงหรือไม่ ...
สำนวนสุดท้ายของเรื่องเสือๆ คือ “โฮรางงิโด้ เชมาลฮาเมียน โอนด๊ะ คือ “พูดถึงเสือ เสือก็มา” ตรงกับสำนวนไทยว่า “ปากพระร่วง” คือ มีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรก็เป็นเช่นนั้นอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะ ขนาดเสือที่หาได้ยากก็ยังมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าพเจ้า (แต่เมื่อมาถึงแล้วก็ตัวใครตัวมันค่ะ)...


