ค่าน้ำร้อนน้ำชากับชิ้นเค้ก
ที่ผ่านมา การเลี้ยงรับรองลูกค้าของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนถือเป็นค่าใช้จ่ายประเภทหนึ่งที่เบิกจ่ายกันมาช้านาน
ที่ผ่านมา การเลี้ยงรับรองลูกค้าของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนถือเป็นค่าใช้จ่ายประเภทหนึ่งที่เบิกจ่ายกันมาช้านาน ทว่า หลังจากที่ตัวเลขค่าเลี้ยงรับรองของบริษัท China Railway Construction Corporation (มีชื่อย่อว่า CRCC) ซึ่งสูงถึง 837 ล้านหยวน ในปี ค.ศ. 2012 รวมไปถึงค่าเลี้ยงรับรองของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจำนวน 10 แห่ง ที่มีมูลค่ารวมเกินกว่า 2,900 ล้านหยวน และค่าเลี้ยงรับรองในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตกว่า 1,400 ล้านหยวน ปรากฏสู่สายตาประชาชน ก็เริ่มทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายที่ว่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และกลายเป็นประเด็นที่มีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของการใช้จ่ายเงินในลักษณะดังกล่าว
สำหรับสังคมที่มีค่านิยมในการมอบสินน้ำใจให้แก่กันอย่างจีน ค่าเลี้ยงรับรองของแต่ละหน่วยงานถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้อย่างลื่นไหลและเป็นบันไดไปสู่การครอบครองสิทธิในการประมูลงานชิ้นใหญ่ที่สร้างรายได้จำนวนมหาศาลเข้าสู่หน่วยงาน หลายคนจึงมองว่าค่าใช้จ่ายทำนองนี้ส่งผลโดยตรงต่อผลกำไรและเงินโบนัส ซึ่งถือเป็นรากฐานที่มั่นคงของบริษัทและส่งผลทางอ้อมต่อการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพให้คงอยู่ต่อไป
ทว่า นับวันงบค่าเลี้ยงรับรองที่ดูจะบานปลายจนไร้ขอบเขตกลับบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงินและความโปร่งใสของหน่วยงานแต่ละแห่ง โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่เรียกได้ว่าเบิกจ่ายเกือบทุกอย่าง เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าและเป็นที่มาของการกินกันอย่างมูมมามในหมู่ข้าราชการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัญหาเรื่องการใช้ค่าเลี้ยงรับรองอย่างไม่อั้น จึงกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง ที่สำคัญก็คือ ค่าใช้จ่ายประเภทนี้มักเกิดขึ้นกับหน่วยงานภาครัฐหรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นั่นหมายถึงผลประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติและภาษีของประชาชน พฤติกรรมเช่นนี้จึงส่อแววถึงการคอร์รัปชันและการกระทำที่ผิดกฎหมาย
จริงๆ แล้ว ค่าเลี้ยงรับรองครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารรับรองแขก ค่าซื้อของกำนัลเอาใจลูกค้า ค่าเดินทางไปดูงาน ค่ารถที่ใช้ตลอดรายการรับรองลูกค้า เป็นต้น เรียกว่าค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นกิจกรรม ซึ่งช่วยเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจด้วยการสร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า พูดภาษาชาวบ้านก็คือค่าสร้างความบันเทิงเริงรมย์และค่าซื้อของให้แก่ลูกค้านั่นเอง
ธรรมเนียมการเลี้ยงดูปูเสื่อลูกค้าของหน่วยงานต่างๆ ของจีนถือเป็นที่พบเห็นโดยทั่วไป โดยมากเงินก้อนนี้มักเน้นที่ความอลังการ อาหารมื้อละหลายร้อยหยวนที่ทานกันเหลือเต็มโต๊ะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะมองว่าเป็นการให้ความสำคัญกับลูกค้าหรือผู้ที่มีบทบาทต่อผลประโยชน์ของธุรกิจประเภทต่างๆ หากไม่ใช้จ่ายเงินเช่นนี้ อาจสร้างความไม่พอใจให้แก่ลูกค้า จากนั้นก็ยังต้องตามมาด้วยกิจกรรมบันเทิงนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นการพาไปร้องคาราโอเกะ ท่องเที่ยวยังสถานที่ที่สวยงาม .........
ยิ่งในธุรกิจก่อสร้างด้วยแล้ว ถือเป็นเงินที่จ่ายกันอย่างไม่อั้น หากไม่ยอมสละเงินก้อนนี้ งานชิ้นใหญ่ก็ไม่มีวันตกถึงมือ คำพูดที่ว่า “หากไม่มีการหยอดน้ำมันให้อีกฝ่าย และไม่มีการรับสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ถึงแม้จะมีการเจรจาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฝ่ายที่รับงานก็รู้สึกไม่มั่นใจว่าจะได้งานชิ้นนั้นจริงหรือไม่” มักวนเวียนอยู่ในความคิดของวงจรธุรกิจการประมูลนานาชนิด
แน่นอนว่า ยอดค่าเลี้ยงรับรองของบรรดาบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นตัวเลขที่มีมูลค่าไม่น้อย แต่หากนำไปเทียบกับสัดส่วนของผลกำไรที่จะเกิดขึ้นจากการรับงานแล้ว ถือว่าไม่ค่อยกระทบต่อรายได้ของบริษัทเท่าใดนัก ค่าเลี้ยงรับรองของบริษัทจึงถูกมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและขาดไม่ได้ เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อความได้เปรียบเสียเทียบในการแข่งขันทางการตลาด
เปรียบเทียบให้ฟังง่ายๆ หากเป็นโครงการก่อสร้างที่มีมูลค่าอยู่ที่ระดับร้อยล้าน ผลกำไรที่ได้จากการนี้จะอยู่ที่ราวๆ ร้อยละ 25 หรือประมาณ 25 ล้านหยวน ส่วนที่เป็นค่าเลี้ยงรับรองและค่าน้ำร้อนน้ำชาอยู่ในระดับ 78 ล้านหยวน คิดเป็นร้อยละ 30 ของผลกำไรทั้งหมด ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ยังพอคุ้มค่ากับรายได้
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นช่วงประมูลงานก็ยังต้องสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การร่วมดื่มกินและซื้อของกำนัลให้ลูกค้าเป็นกิจกรรมที่ยังต้องทำอยู่ ยิ่งในช่วงเทศกาลสำคัญๆ บรรดาผู้รับเหมามักสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าด้วยการนัดแนะไปรับของกำนัล โดยจะจัดส่งคนและสิ่งของไปมอบของกำนัลไว้ในท้ายรถ พอกลับบ้านก็สามารถขับรถคันดังกล่าวไปโดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าหน่วยงานไหนส่งของกำนัลอะไรให้บ้าง ปฏิบัติเช่นนี้กันมาช้านานจนไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควร เพราะถ้าเกิดไม่ทำก็มีบริษัทคู่แข่งคอยช่วงชิงโอกาสงามๆ นี้ไป
สำหรับการเลี้ยงข้าวก็มักเลี้ยงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คนเดียว ส่วนการมอบของกำนัล ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะเป็นใบชาหรือของที่ระลึก มาในปัจจุบันก็อยู่ในรูปของเงินสด แต่เงินก้อนนี้ไม่ได้แจกจ่ายให้ทุกคน มักมอบให้แก่ผู้ที่มีสิทธิขาดในการประมูลโครงการ หากเงินก้อนนี้ตกอยู่ในมือของบุคคลที่ว่านี้ นั่นหมายถึงอนาคตอันสดใสกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่จะชนะโครงการประมูล
ความจริงเกี่ยวกับภารกิจประจำวันของบรรดาผู้จัดการในธุรกิจก่อสร้างในยุคนี้ก็คือ การพาลูกค้าไปร้องคาราโอเกะ กินข้าว
ดื่มเหล้า แต่ละวันก็ออกจากบ้านแต่เช้ากลับบ้านดึก ไม่มีเวลาให้คนในครอบครัว กลายเป็นที่มาของปัญหาที่สร้างความร้าวฉานในหมู่คนใกล้
ตัว หลังจากที่ประมูลงานสำเร็จและอยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้าง ก็ยังต้องคอยเลี้ยงและมอบของกำนัลให้แก่ผู้ดูแลโครงการจนกว่าจะแล้ว
เสร็จ ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ช่วยเบิกทางสู่การดำเนินงานที่ราบรื่นอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี ความแตกต่างระหว่างการใช้ค่าเลี้ยงรับรองในธุรกิจภาครัฐกับธุรกิจเอกชนอยู่ตรงที่อย่างแรกจะต้องหั่นส่วนที่เป็นผลกำไร
ออกมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายประเภทดังกล่าว ขณะที่ธุรกิจภาครัฐมักจะใช้จ่ายไปกับการกินการดื่มอย่างไม่อั้นและเบิกค่าใช้จ่ายทำนองนี้กันอย่างจ้าละหวั่น โดยไม่กระทบกับเสถียรภาพทางการเงินของบริษัทเท่าใดนัก เพราะอย่างไรก็เป็นธุรกิจรัฐไม่มีวันล้ม จึงเป็นที่มาของการคอร์รัปชันดังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้นั่นเอง
หลังจากมีการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเข้มข้นมากขึ้นในปัจจุบัน การดื่มกินอย่างมูมมามและใช้จ่ายเงิน เพื่อความบันเทิงเริงรมย์ในหมู่ข้าราชการดูเหมือนจะไม่ได้ทำกันตามอำเภอใจเหมือนกับที่ผ่านมา การสอดส่องเรื่องค่าใช้จ่ายประเภทดังกล่าวมีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจรัฐวิสาหกิจหรือธุรกิจภาครัฐที่มีขนาดใหญ่จะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ
ยิ่งตัวเลขค่าเลี้ยงรับรองของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น 9 ใน 10 แห่ง ที่มีมูลค่าเกินกว่าร้อยล้านของแต่ละบริษัทเมื่อปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจภาครัฐด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผู้คนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของค่าใช้จ่ายดังกล่าวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการตอกย้ำถึงความไม่โปร่งใสของการใช้จ่ายเงินในหน่วยงานภาครัฐเหล่านี้ และเป็นที่มาของการใช้มาตรการต่างๆ ในการควบคุมค่าน้ำร้อนน้ำชาที่เกิดขึ้นในธุรกิจทุกภาคส่วน


