สู้กับขบวนการค้ามนุษย์ ด้วยกฎหมายต่อต้านการค้าประเวณี... (2)
เกาหลีเป็นประเทศที่ให้อิสระ ในการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะมากเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย
โดย...เพียงออ วิไลย [email protected]
เกาหลีเป็นประเทศที่ให้อิสระ ในการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะมากเป็นอันดับต้นๆ ในเอเชีย การชุมนุมประท้วงอย่างสงบพึงกระทำได้โดยเสรีในเรื่องหนึ่งเรื่องใดที่มีผลกระทบต่อผลประโยชน์และชีวิตความเป็นอยู่ของสาธารณชน ทั้งนี้ เพราะกว่าจะมาเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เกาหลีเรียนรู้จากประสบการณ์ที่บอบช้ำจากความรุนแรงดุเดือดทางการเมืองมาตั้งแต่สมัยตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่น จนกระทั่งถึงประชาธิปไตยโดยมีรัฐบาลทหารเป็นผู้ควบคุมอยู่เกือบครึ่งศตวรรษหลังได้รับอิสรภาพ...ทว่า มีเหตุการณ์ประท้วงเพื่อสิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มหนึ่ง เกิดขึ้นหลายครั้งในรอบปีที่แล้วที่ทำให้ “เชกา” รู้สึกแปลกใจ ... กลุ่มหญิงที่ทำงานในธุรกิจบริการทางเพศราว 1,600 คน ประท้วงรัฐบาลเกาหลีให้ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายต่อต้านการค้าประเวณี!!!
ที่แปลกใจเพราะว่าสังคมเกาหลีแม้ในประวัติศาสตร์จะมีการยอมรับอย่างเปิดเผยถึงอาชีพ “คีแซง” หรือหญิงผู้ให้ความบันเทิงแก่บุรุษคล้ายเกอิชาของญี่ปุ่น ทว่ากลุ่มอาชีพนี้ได้สูญหายไปแล้ว เนื่องจากเป็นเครื่องหมายหนึ่งของการแบ่งแยกสถานะของชนชั้นสูงกับชนชั้นล่างในสังคมโบราณ อีกทั้งเกาหลียังคงอนุรักษ์ขนบประเพณีอันดีตามลัทธิขงจื๊อ มิได้เปิดเสรีในเรื่องเพศ การค้าประเวณีจึงเป็นสิ่งผิดกฎหมายมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ในความเป็นจริง ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีการบริการแบบใต้ดินเป็นธุรกิจมืดมาจนปัจจุบัน การที่กลุ่มหญิงในธุรกิจบริการทางเพศออกมาประท้วงอย่างเปิดเผยต่อสังคม (แต่ปิดหน้าตาใส่หมวกไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร) จึงเป็นสิ่งที่แปลก ค้านงัดกับค่านิยม แต่ไม่ค้านสายตากรรมการเพราะตำรวจบอกว่า เขาชุมนุมกันโดยสันติเลยไม่ห้ามปราม ข่าวออกมาว่าเกือบจะเป็นการชุมนุมประท้วงของหญิงบริการนานาชาติที่อยู่ในเกาหลี เพราะมีหญิงบริการชาวไทยใส่ชุดฮันบกและหน้ากาก ไปนั่งประท้วงด้วย...โอ้ ...
กลุ่มผู้ประท้วงได้ชุมนุมใหญ่ถึงสองครั้งในเดือน พ.ค. และ ก.ย. ปีที่แล้ว ด้วยสาเหตุที่กล่าวอ้างถึง ความเดือดร้อนจากการที่รัฐบาลเกาหลีได้ทำการปราบปรามอย่างหนักในปีที่ผ่านมา โดยบุกปิดสถานบริการทั่วประเทศ จับกวาดล้างและจำคุกทั้งเจ้าของกิจการ นายหน้าและหญิงผู้ให้บริการ ตามกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการค้าประเวณีที่ออกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 ทำให้พวกเธอเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ไร้อาชีพและไม่มีเงินในการดำรงชีวิต... เป็นการตอกย้ำว่าธุรกิจมืดมีมูลค่ามหาศาลมีอยู่จริงในเกาหลี และงานนี้กูรูหลายคนวิเคราะห์ (สงสัย) ว่าอาจจะเป็นม็อบจัดตั้ง ที่หนุนหลังอย่างเป็นระบบโดยนายทุนธุรกิจน้ำกามผู้เสียผลประโยชน์มหาศาลจากธุรกิจการค้าประเวณีโดยหญิงเกาหลีและหญิงที่ถูกส่งตัวมาจากประเทศอื่นๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลเกาหลีประกาศการต่อสู้การค้าประเวณีและกวาดล้างอย่างหนัก โดยมีเป้าหมายที่จะต่อสู้กับขบวนการค้ามนุษย์ หรือ Human Trafficking ซึ่งสหรัฐอเมริกาและองค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ ระบุว่า เกาหลีเป็นทั้ง จุดต้นทาง (Source) ของการค้ามนุษย์ โดยหญิงเกาหลีที่ขาดโอกาสทางสังคมถูกหลอกหรือบางรายสมัครใจเดินทางไปขายบริการในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ฮ่องกง กวม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดาและยุโรปตะวันตก ในขณะที่เป็นจุดถ่ายโอน (Transit) หญิงสาวที่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ข้ามไปสหรัฐอเมริกา และ จุดปลายทาง (Destination) โดยนำหญิงสาวมาจากรัสเซีย อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน สาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ฟิลิปปินส์ ไทย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหญิงสาวส่วนใหญ่ถูกหลอกมาเพื่อการแสวงประโยชน์ทางธุรกิจเพศหรือการใช้แรงงานทั้งชายและหญิง บางคนถูกส่งไปเป็นเจ้าสาวสำหรับเกษตรกรเกาหลีหรือพ่อม่ายที่หาภรรยามิได้ บางคนถูกหลอกมาว่าจะปั้นให้เป็นนักร้องนักแสดงในวงการบันเทิง แต่ถูกคุกคามทางเพศเป็นเงื่อนไขในการแสวงประโยชน์ ซึ่งถูกเปิดโปงว่า แม้แต่ดาราสาวเกาหลีเองก็ถูกกระทำเยี่ยงนี้หลายราย
แม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีจะประกาศชัยชนะในการกวาดล้างธุรกิจน้ำกามแล้วก็ตาม แต่เล่ห์กลของมนุษย์ในโลกใบนี้ช่างซับซ้อนนัก ทำให้เข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง) อยู่บ่อยๆ ว่ารูปแบบของการแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่นมีการพัฒนาไปจนเหลือเชื่อ ตอนนี้ธุรกิจที่ยังแรงต่อได้ในเกาหลี คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือ Wellness ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบร้านทำเล็บ สปา หรือแม้แต่นวดไทยแผนโบราณโดยหมอนวดสาวชาวไทยที่มีอยู่ทุกมุมถนน ซึ่งอาจจะมีการแอบแฝงธุรกิจอื่นด้วย ดังนั้นหนุ่มๆ สาวๆ ไทยพึงสังวรไว้นะคะว่า เหรียญย่อมมีสองด้าน มีด้านสว่างย่อมมีด้านมืด โลกนี้เป็นมายาชีวิต การมองสิ่งใดด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นคุณสมบัติของผู้ที่คิดดีและต้องการกระทำดีก็จริง เกาหลีอาจเป็นความฝันของหลายคนหากแต่ต้องมองให้รอบด้านรู้เท่าทันมายาชีวิตที่แอบแฝงไว้เสมอค่ะ
อ้างถึงงานวิจัยของ Nico A. Gemmell (Human Trafficking : The Effects of Modernday Slavery on the Global Economy) ที่ได้กล่าวไปในสัปดาห์ก่อน เขากล่าวถึงสิ่งหนึ่งที่เราอาจไม่เคยคิดเลยว่า “การค้ามนุษย์มีผลต่อต้นทุนการผลิตของโลก ที่ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคที่มาจากโลกที่สามมีราคาถูกจากการบังคับใช้แรงงานในขบวนการค้ามนุษย์” ทั้งในอุตสาหกรรมการเกษตร การผลิตสินค้าราคาถูก หรืออุตสาหกรรมการผลิตที่ละเมิดลิขสิทธิ์... หลายครั้งหลายหนที่พบสินค้าที่มาจากประเทศอื่นมีราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ จนอดจะแปลกใจไม่ได้ว่าขายได้อย่างไร คือ คิดต้นทุนการผลิตแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขายได้ในราคานี้... แม้แต่ตัวเราเองในฐานะผู้บริโภคอาจคาดไม่ถึงว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ยังคงส่งเสริมให้ขบวนการค้ามนุษย์ยังคงอยู่ต่อไปก็ได้ค่ะ ... !!!


