posttoday

เปิดแฟ้มดาวเด่น 10 นักธุรกิจมังกร ผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก

31 มกราคม 2555

สถาบันบรูคกิง สถาบันวิจัยด้านนโยบายสาธารณะของสหรัฐ เปิดเผย 10 ผู้ทรงอิทธิพลในจีน

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

สถาบันบรูคกิง สถาบันวิจัยด้านนโยบายสาธารณะของสหรัฐ เปิดเผย 10 ผู้ทรงอิทธิพลในจีน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการจับตาว่าจะก้าวขึ้นมาสู่การบริหารประเทศในอนาคต และเป็นผู้กำหนดชะตาเศรษฐกิจโลกอีกด้วย

บุคคลเหล่านี้ ส่วนใหญ่เติบโตขึ้นมาจากการทำธุรกิจของครอบครัวที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีที่มั่งคั่งในระดับต้นๆ ของประเทศ และถูกชักชวนเข้ามาในวงการเมือง ซึ่งปัจจุบันคนเหล่านี้ได้เข้าไปกุมอำนาจสำคัญๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผู้นำท้องถิ่น หรือไม่ก็ก้าวขึ้นมาถึงตำแหน่งรัฐมนตรี

จางชิงเว่ย อดีตผู้บริหารบริษัท สายการบินพาณิชย์ คอมเมอร์เชียล แอร์คราฟ คอร์ปอเรชัน (โคเมค) ในจีน โดยใน ยุคที่ชิงเว่ย บริหารนั้นถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่ากับคู่แข่งทางธุรกิจยักษ์ใหญ่จากตะวันตกอย่าง โบอิง และแอร์บัส อย่างดุเดือด แต่ชิงเว่ยก็สามารถนำพาบริษัทรอดพ้นและก้าวขึ้นมาอย่างงดงาม

เปิดแฟ้มดาวเด่น 10 นักธุรกิจมังกร ผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก

 

ขณะนี้ ชิงเว่ยได้เริ่มต้นเส้นทางการเมืองของตนเองแล้ว ด้วยการได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งหนึ่งในจีน

หวาง เจียนโจว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ไชนาโมบาย ซึ่งผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกคนในจีนจะต้องเคยใช้ เพราะเป็นบริษัทที่มีโครงข่ายที่ครอบคลุมและใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยจำนวนยูสเซอร์ถึง 650 ล้านคน

บริษัทของ เจียนโจว ได้ขยายศักยภาพไปจนถึงพื้นที่ที่เครือข่ายยากแก่การเข้าถึงอย่าง เทือกเขาเอเวอเรสต์ ปัจจุบัน บริษัท ของเจียนโจว มีพนักงานอยู่ทั้งสิ้น 2.3 แสนคน และจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในสหรัฐและฮ่องกง

หลี่เสี่ยวหลิน เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของจีน เติบโตมาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้า และก้าวขึ้นมามีบทบาทและบริหารธุรกิจของครอบครัวดังกล่าวแทนบิดา ในขณะที่ เสี่ยวเผิง น้องชายได้ก้าวขึ้นเป็นรองผู้ว่าฯ จังหวัดซานสี่ ทั้งสองเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากในวงการอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าของจีน

โจวหย่งคัง ปัจจุบันรั้งตำแหน่ง รัฐมนตรีด้านความมั่นคงของคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมือง

ในอดีต หย่งคัง ได้สร้างฐานอำนาจมาจากการเป็นประธานบริษัทปิโตรเลียมจีน “ไชนาเนชัลแนล ปิโตรเลียม คอร์เปอร์เรชัน” บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน และในอดีตก็สร้างผลงานด้วยการเดินทางไปเจรจาทำความตกลงด้านน้ำมันและพลังงานกับซูดาน ถึง 14 ครั้ง

ซูซูหลิน ถือเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมามีอิทธิพลทางเศรษฐกิจจีน โดย ซูหลิน ได้กลายเป็นที่จับตามองด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นประธานของบริษัท ซิโนเปค บริษัทผู้ดำเนินกิจการปิโตรเลียมและปิโตรเคมีรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลและเป็นบริษัทที่ติด 500 อันดับแรกในการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน

เปิดแฟ้มดาวเด่น 10 นักธุรกิจมังกร ผู้กำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลก

 

หลังจาก ซูหลิน ออกจากซิโนเปค ก็รับตำแหน่งผู้ว่าฯ ในจังหวัดแห่งหนึ่ง และในอนาคตถูกคาดหมายว่าจะเข้ามามีบทบาทในกลุ่มคณะผู้บริหารประเทศรุ่นที่ 6 หลังจากยุคของสีจิ้นผิงที่กำลังจะก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในเร็วๆ นี้

เฉินหยวน ผู้มีบทบาทในวงการธนาคารของประเทศ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการพัฒนาจีน และเป็นบุตรชายของอดีตผู้บริหารระดับสูงของประเทศที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามนักศึกษา ในเหตุการณ์เทียนอันเหมินเมื่อปี 2532 ทั้งนี้ หลายคนยังมองว่า หยวน เป็นผู้มีอำนาจหน้าใหม่และเด็กที่สุดในกลุ่ม อีกทั้งยังก้าวขึ้นมามีบทบาทได้ก็เพราะบารมีของบิดานั่นเอง

เสี่ยวกัง คือข้าราชการคนรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมามีอำนาจในจีน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานผู้อำนวยการแบงก์ออฟไชนา และแบงก์ออฟไชนา ฮ่องกง กล่าวกันว่า กัง นั้นมีอำนาจบารมีมากกว่าประธานของธนาคารตนเองด้วยซ้ำ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอนาคตที่จะขึ้นมาเป็นใหญ่

กัง ควบคุมดูแลธนาคารต่างชาติในจีนทั้งหมด นอกจากนั้นแหล่งข่าวจากธนาคารประชาชนจีนชี้ว่า ปรัชญาในการดำเนินงานของ กัง นั้นจะให้ความสำคัญกับความเข้มแข็งของประเทศอย่างมาก ดังนั้นตราบใดที่ กัง ยังอยู่ในอำนาจ จีนจะไม่เปิดเสรีทางการเงินกับต่างชาติง่ายๆ แน่นอน

กั๋วซูฉิง จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ทั้งนี้ ซูฉิง ในระหว่างที่เป็นนักศึกษานับเป็นกลุ่มหัวรุนแรงที่ฝักใฝ่ลัทธิมาร์กซิสต์เลนินลิสต์อย่างยิ่ง

ซูฉิง ก้าวขึ้นมามีตำแหน่งที่สำคัญนั่นคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่นานนักก็ถูกแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานที่ดูแลด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศ และด้วยความก้าวหน้าที่รวดเร็ว ทำให้ซูฉิงถูกดึงให้เข้ามารับตำแหน่งในการปล่อยสินเชื่อทางการค้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่คอยดูแลผลประโยชน์ในการลงทุนไม่ให้นักลงทุนต่างชาติขึ้นมามีอิทธิพลเหนือรัฐนั่นเอง

จูหยานเฟิง ถือเป็นผู้ที่ได้รับความนิยมชมชอบในหมู่ประชาชนชาวจีนทั่วไปมาก จากแนวคิดที่เสนอว่าทุกครอบครัวควรมีรถเป็นของตนเอง 1 คัน อย่างไรก็ตามคำพูดที่พูดไปนั้นไม่ใช่ของแปลกอะไร เพราะหยานเฟิงเป็นเจ้าของกิจการผลิตรถยนต์เจ้าแรกในประเทศ

หยานเฟิง จบการศึกษาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นประธานของบริษัท ไชนาฟาวกรุ๊ป คอร์เปอร์เรชัน และด้วยศักยภาพและอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจที่มีอย่างเหลือล้น ทำให้ หยานเฟิง ถูกรับเชิญให้เข้ามามีตำแหน่งสำคัญในวงการเมือง ปัจจุบัน หยานเฟิง เป็นถึงรองผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งหนึ่ง

จางกั๋วฉิง ผู้ได้รับฉายาว่าเจ้าแห่งสงคราม เนื่องจาก กั๋วฉิง เป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัทที่คอยผลิตอาวุธป้อนให้กับกองทัพจีนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งนั่นก็คือบริษัท ไชนา นอร์ท อินดัสทรี คอร์เปอร์เรชัน (โนรินโก) และส่งขายอาวุธไปทั่วโลกด้วย

อย่างไรก็ตาม โนรินโกมีปัญหาความขัดแย้งกับชาติตะวันตกหลายชาติโดยเฉพาะสหรัฐที่กล่าวหาว่าโนรินโก ขายอาวุธให้กับเหล่าอาชญากรระหว่างประเทศ

 

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!