นักล่า ‘ทาส’ แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า...
ละครดังเกาหลีช่วงนี้จะเป็นเรื่องอื่นไม่ได้เลย นอกจาก “แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า”
โดย...เพียงออ วิไลย [email protected]
ละครดังเกาหลีช่วงนี้จะเป็นเรื่องอื่นไม่ได้เลย นอกจาก “แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า” ...ละครนี้มีชื่อจริงในภาษาเกาหลีว่า “ชูโน” ซึ่งมาจากคำเรียก นักล่าทาส ในสมัยโชซอนว่า “ชูโนคุน” ส่วนแทกิล ที่ฝั่งไทยนำมาตั้งชื่อเรื่องนั้น เป็นชื่อของพระเอก “อีแทกิล” คุณชายน้อยจากชนชั้นขุนนางที่ผันตัวเองมาเป็นนักล่า ด้วยความรักและความแค้น
ละครเกาหลีเรื่องนี้ มีกลิ่นความเข้มแข็งของจอมยุทธ์วัยฉกรรจ์ที่ตะลุยไปทั่วยุทธภพ แต่กลับถูกทำให้สงบสยบลงด้วยสายลมอันหอมเย็นของอิสตรีที่พัดอ้อยอิ่งเข้าปลายจมูก สิ่งที่ “เชกา” ชอบมากที่สุดในเรื่องนี้มีสามจุดสำคัญ คือ หนึ่ง เนื้อหาของเรื่องที่ตีแผ่สังคมสมัยโบราณ โดยเฉพาะ “ทาส” ในสมัยโชซอนยุคกลางตอนปลาย สอง คือความสามารถในการแสดงของตัวละครแต่ละบทบาทที่ไม่มีใครด้อยกว่าใคร “ยามคับแค้นใจ น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลเป็นสาย” แสดงบุคลิกภาพของชายชาวเกาหลีที่มิต้องอายหรืออดกลั้นให้น้ำตาย้อนไหลกลับเข้าข้างใน ให้ซมซาน และสุดท้าย คือส่วนประกอบต่างๆ เช่น คิวบู๊ที่ตื่นเต้น Special Effects ที่เร้าใจ เพลงประกอบแต่ละซีนที่กระตุกหูบ้าง กระตุกใจบ้าง (ถ้าท่านผู้ดูเข้าใจเนื้อเพลงจะทำให้ได้อรรถรสของละครเรื่องนี้มากขึ้นค่ะ)
ตามบันทึกประวัติศาสตร์พบว่า “ทาส” หรือ โนบิ ในเกาหลีมีมานานกว่า 1,400 ปี ตั้งแต่สมัยที่ประเทศยังแบ่งออกเป็น 3 ก๊ก ...“ทาส” ถูกจัดระดับทางสังคมให้เป็นชนชั้น “ชอนมิน” ซึ่ง เป็นชนชั้นที่ต่ำสุด “ทาส” เป็นสมบัติส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของเป็นชนชั้นขุนนาง หรือพ่อค้า ... สามารถซื้อขายทาสกันได้ ในขณะเดียวกันยังมีชอนมินที่ไม่ได้เป็นทาสและสามารถประกอบอาชีพที่สกปรก งานหนัก หรืองานที่สังคมดูถูกได้ เช่น คนฆ่าสัตว์ นักแสดง มูดัง (ร่างทรง) คีแซง (หญิงผู้ให้ความบันเทิง) ช่างเหล็ก ฯลฯ ผู้ใดที่เกิดจากมารดาที่เป็นชอนมิน ก็จะเป็นชอนมินตลอดไป ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า ลักษณะของการตกเป็นทาสก็น่าสนใจมากค่ะ แบ่งออกได้ 4 ลักษณะใหญ่ๆ คือ
1) เป็นทาสเนื่องจากรบแพ้อาณาจักรอื่น เกิดขึ้นในยุคสมัย 3 ก๊ก เกาหลี 3 อาณาจักร (โคคูเรียว–แพคเจ–ชิลลา) ที่รบรากันเป็นเวลายาวนาน เพื่อครองพื้นที่บนคาบสมุทรเกาหลี ฝั่งที่รบแพ้ก็บ้านแตกสาแหรกขาดกระจัดกระจายเร่ร่อนไปทั่วคาบสมุทรเกาหลี พลเมืองของฝ่ายแพ้จะถูกกวาดต้อนไปเป็นทาส ต่อมาราชวงศ์โคเรียว (พ.ศ. 1478 ถึง 1937 ตรงกับปลายสมัยละโว้/หริภุญชัย ถึงต้นสมัยสุโขทัย) รบชนะอีก 2 ก๊ก จึงสามารถรวบรวมแผ่นดินให้เป็นประเทศเดียวกันได้ และได้สถาปนาอาณาจักรโคเรียวขึ้นมา ครานั้นได้เกิดทาสใหม่ที่มาจากอีก 2 อาณาจักรผู้พ่ายแพ้มากมาย...
2) เป็นทาสในเรือนเบี้ย คือ ถือกำเนิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาส ลูกก็จะตกเป็นทาสด้วย ในเรื่อง ชูโน (แทกิล) นางเอก “ออนยอนนี” ก็เป็นทาสลักษณะนี้
3) เป็นทาสเนื่องจากทางการลงโทษ กลายเป็นทาสของทางการ ซึ่งอาจเป็นชนชั้นขุนนางที่ถูกลงโทษให้ลดสถานะลงเป็นทาสเหมือน “ขุนพล ซงแทฮา” (สามีสุดหล่อของนางเอก กรี๊ดดด...เป็นปลื้มค่ะ นักแสดงชื่อ โจจิโฮ) ที่ถูกถอดตำแหน่งพร้อมทั้งประทับตราทาส “โนบิ” ลงบนหน้าผาก เพื่อมิให้หลบหนีจากสถานะทาสได้
4) เป็นทาสเนื่องจากขายตัวเองให้เจ้าของทาส เมื่อศึกษาให้ลึกลงไป กลับพบว่า ในสมัยโชซอน ชนชั้นชอนมิน บางครั้งขายตัวเองไปเป็นทาสให้ขุนนาง เนื่องจากความเป็นอยู่แร้นแค้น สภาพเศรษฐกิจและสังคมไม่เอื้ออำนวยให้อยู่รอดโดยลำพังได้ในชีวิตอิสระ จึงต้องพึ่งใบบุญของขุนนาง มีที่พัก อาหาร น้ำ แลกกับการทำงานเป็นทาสรับใช้
ดังนั้น ทาสเกาหลีจึงมีลักษณะแปลกอยู่หลายอย่าง เช่น สามารถที่จะมีทรัพย์สินเงินทองได้ ทาสลักษณะที่ 1-2-4 สามารถถูกไถ่ถอนได้ หรือแม้แต่ไถ่ถอนด้วยตัวเองได้ หากฟลุกๆ มีเงินขึ้นมา
เนื่องจากเกาหลีมีการจดบันทึกสายตระกูลสืบต่อกันมาช้านาน บางตระกูลสามารถดูบันทึกย้อนหลังไปได้เป็นพันปี บันทึกนี้จึงเป็นเหมือนหนังสือประวัติศาสตร์ที่เอามาเรียงร้อยเรื่องราวต่อกันได้เป็นอย่างดี
ในขณะที่ทางการโชซอนก็ทำการสำรวจสำมะโนประชากรทุกๆ 3 ปี ตามระบบจีนโบราณ และเจ้าของทาสจะต้องรายงานจำนวนข้าทาสในบ้านตนเองตามความเป็นจริง หมายความว่า ทางการจะรับรู้ว่าแต่ละบ้านมีทาสจำนวนเท่าไร นักวิจัยเรื่องทาสพบหลักฐานที่เป็นบันทึกระบุว่า การครอบครองทาสของเกาหลีในช่วงศตวรรษที่ 14 ถึง 15 ทาสมีอยู่ถึง 30% ของจำนวนประชากร แต่มาในสมัยโชซอนตอนปลาย ราวศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคใกล้เคียงกับเรื่องในละคร กลับมีจำนวนคนที่เป็นทาสอยู่ถึง 75% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ... ประชากรส่วนใหญ่ถูกกดขี่โดยกลุ่มขุนนางเพียงหยิบมือ... อย่างนี้ไง ตามเนื้อเรื่องทาสจึงหนี จึงอยากจะปฏิวัติ ...


