เพซฯระดมทุน8,400ล้าน ดึงทุนมะกันต่อยอดมหานคร

โดย...โชคชัย สีนิลแท้

ถือเป็นดีลความร่วมมือครั้งใหญ่ของประเทศ เมื่อกองทุนต่างชาติขนาดใหญ่เข้ามาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย หลังจาก บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับ บริษัท อพอลโล โกลบอล แมเนจเมนท์ และกองทุนโกลด์แมน แซคส์ ที่ใช้เงินลงทุน 8,400 ล้านบาท หรือ 235 ล้านเหรียญสหรัฐ เข้ามาลงทุนในโครงการมหานครอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย 

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ บริษัท อพอลโล โกลบอล แมเนจเมนท์ และกองทุนโกลด์แมน แซคส์ ได้เข้ามาร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการไทย เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว และกลุ่มทุนนี้มองเห็นในศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จากก่อนหน้านี้กลุ่มกองทุนดังกล่าวได้เข้ามาลงทุนในประเทศแถบเอเชียจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอันใกล้จะได้เห็นกองทุนจากต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนในไทยมากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากันอยู่หลายราย 

ฟิลิป มินทซ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียของอพอลโล กล่าวว่า กองทุนสนใจลงทุนในโรงแรม ที่อยู่อาศัย และซื้อหนี้ในประเทศไทย หลังจากได้เข้ามาลงทุนกับ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งแรกในประเทศไทยหลังจากเข้ามาลงทุนในเอเชียกว่า 15 ปี โดยการลงทุนครั้งนี้คิดเป็นเงินลงทุน 5,900 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการลงทุน 10% ในเอเชีย ซึ่งการลงทุนในภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่บริษัทลงทุนที่ออสเตรเลียและอินเดีย โดยอพอลโลมีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การจัดการประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท เม็ดเงินส่วนใหญ่ลงทุนในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ส่วนเอเชียมีสัดส่วนเพียง 3% ของมูลค่าดังกล่าว      

ขณะที่ สรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทได้ใช้เวลาในการเจรจากับกองทุนดังกล่าวเป็นเวลา 2 เดือน การลงทุนในครั้งนี้ประกอบด้วยการลงทุนของอพอลโล 5,900 ล้านบาท หรือ 165 ล้านเหรียญสหรัฐ และโกลด์แมน แซคส์ 2,500 ล้านบาท หรือ 70 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมมูลค่า 8,400 ล้านบาท ซึ่งจะร่วมลงทุนสัดส่วน 49% ในสองบริษัทลูกของ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ ได้แก่ บริษัท เพซ โปรเจ็ค วัน กับ บริษัท เพซ โปรเจ็ค ทรี ซึ่งเป็นผู้พัฒนา 3 ส่วนของโครงการมหานคร ได้แก่ โรงแรมบางกอก เอดิชั่น ส่วนค้าปลีกมหานครคิวบ์ รวมถึงจุดชมวิว ออบเซอร์เวชั่นเด็ค และรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย

"เม็ดเงินการลงทุนบริษัทจะเอาไปจ่ายคืนหนี้ให้กับสถาบันการเงินที่บริษัทลูกทั้งสองแห่งมีหนี้อยู่ 2,000 ล้านบาท และส่วนหนึ่งจะนำมาพัฒนาโครงการมหานคร ซึ่งส่วนของโรงแรมและออบเซอร์เวชั่นเด็คจะเปิดให้บริการไตรมาส 4 นี้ นอกจากนี้ ยังนำเงินมาขยายสาขาดีนแอนด์เดลูก้า และซื้อที่ดินแปลงใหม่เพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต โดยความร่วมมือกับอพอลโลครั้งนี้เรามองศักยภาพการลงทุนระยะยาว ซึ่งอพอลโลมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก อาจจะช่วยการขยายสาขาดีนแอนด์เดลูก้าในอเมริกาได้"

สำหรับโครงการของบริษัทที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปัจจุบัน ได้แก่ เดอะริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก ในโครงการมหานคร โครงการมหาสมุทรวิลล่า โครงการนิมิต หลังสวน ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกันประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่แบ็กล็อกหรือยอดขายรอรับรู้รายได้ 1.75 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ได้ในปีนี้ 9,000 ล้านบาท

ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 บริษัทมีแผนจะลงทุน 2-3 โครงการใหม่ โดยจะเปิด 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการคอนโดมิเนียมหรูบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งจะพัฒนาเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ 40 ชั้น 40 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 80-100 ล้านบาท/ยูนิต 2.โครงการบ้านพักตากอากาศที่เมืองนิเซโกะ ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้จะมีการร่วมทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์กับพันธมิตรรายใหม่เกิดขึ้นหลายราย เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการเงินและขยายธุรกิจ