ครั้งหนึ่งใน "คาราโครัม" การบรรจบของเอเชียใต้และจีน บนถนนที่สูงที่สุดในโลก
แน่นอนว่า คาราโครัมไม่ใช่ถนนสายโรแมนติกเหมาะกับการปั่นจักรยานแบบชิลๆ แต่คือถนนที่สูงที่สุดในโลกที่บังอาจซอกซอนเข้าไปในภูเขาสูงของโลกระดับป๋าๆ หลายพันเมตร เราจะกลายเป็นเป็นส่วนหนึ่งของหิมาลัย ฮินดูกูซ และแน่นอน “คาราโครัม” จะทำให้เราเป็นเพียงเศษละอองธุลีที่ภูเขาเทพๆ เหล่านี้จะขยี้เมื่อไรก็ได้
ไม่ใช่เรื่องยากที่จะไปถึงคาราโครัม ไฮเวย์ (KKH) ทุกวันนี้ สิ่งที่ยากคือการเดินทางโขยกเขยกไปบนเส้นทางชวนปวดคอบ่าไหล่นานหลายชั่วโมง และความเสี่ยงดินหินถล่มลงมาจนขวางเส้นทาง และอะไรอื่นใดที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่จนถึงวันนี้ทุกคนก็อยากไปที่นี่สักครั้ง บนเส้นทางสาย adventure ที่ยังวางตัวอย่างทรงภูมิเหนือแม่น้ำสินธุที่ทอดยาวสู่เอเชียใต้ เต็มไปด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์และสมรภูมิการสู้รบอันดุเดือดระหว่างอินเดียและปากีสถาน
หิมาลัยพาร่างมหึมาเคลื่อนผ่านอาณาจักรของชนฮินดู พุทธ มุสลิม และความเชื่อไร้สังกัดอีกนานัป ในวันที่ท้องฟ้าสดใสจากท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าและบรรดาพืชที่เราไม่รู้จัก เราจะมองเห็นแนวเทือกเขาหิมาลัย ฮินดูกูซ และคาราโครัมบรรจบกันที่เส้นขอบฟ้าแสนไกล หิมาลัยพานักเดินทางให้หลงใหลไปกับอาณาจักรพุทธแบบทิเบต สีสันศรัทธาของเทพเจ้าและผู้แสวงบุญชาวฮินดู และคาราโครัมส่วนหนึ่งของหิมาลัยก็ทำให้เราพิศวงไปกับโลกของชาวมุสลิมที่ซ่อนตัวอยู่ในปราการของมัน
คาราโครัม อาจแปลว่า ภูเขาหินสีดำ ด้วยรูปลักษณ์มันก็เป็นเช่นนั้น ถนนสายนี้มีชื่อตามเทือกเขาหินสีดำที่มันข้ามผ่าน Karakorum Highway (KKH) ทำลายความเคยชินของถนนทุกเส้นในโลก มันพาเราข้ามปราการของเทือกเขา ช่องแคบ และทะเลสาบสูงหลายพันเมตรไปแบบทุลักทุเล บ้าบอด้วยความเหนื่อยแสนเหนื่อย แต่ก็ตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์ รูปร่างของภูเขาที่เราให้เราแหงนมองในความสูงจนถึงกับรำพึงว่า “ทำไมมันสูงอย่างนี้วะ”
แน่นอนว่า คาราโครัมไม่ใช่ถนนสายโรแมนติกเหมาะกับการปั่นจักรยานแบบชิลๆ แต่คือถนนที่สูงที่สุดในโลกยาวไกล คดเคี้ยวและขรุขระเป็นบ้า ค่าที่มันบังอาจซอกซอนเข้าไปในภูเขาสูงของโลกระดับป๋าๆ หลายพันเมตร เราจะกลายเป็นเป็นส่วนหนึ่งของหิมาลัย ฮินดูกูซ และแน่นอนน้องเล็กที่เกิดที่หลัง ชื่อของตัวมันเอง “เทือกเขาคาราโครัม” (Karakoram Range) ที่จะทำให้เรากลายเป็นเพียงเศษธุลีที่ภูเขาเทพๆ เหล่านี้จะขยี้เมื่อไรก็ได้
มองจากภูเขาอีกด้าน คาราโครัม เป็นเหมือนเส้นเล็กๆ บางๆ เหมือนใครสักคนเอาดินสอไปลากขีดบนภูเขาเหล่านั้นไว้ มันคดเคี้ยวเลี้ยวเข้าไปในภูเขา เป็นการเดินทางไกลแสนไกลสู่ดินแดนทางเหนือของปากีสถาน ที่ฟ้องโลกถึงความพยายามของมนุษย์ในการเอาชนะอุปสรรคปราการที่ยากแสนยากและเกินกว่าจะควบคุมได้ของธรรมชาติ
คำว่า "คาราโครัม" (Karakoram) มีรากศัพท์มาจากภาษาตุรกี-มองโกลหรือภาษาเตอร์กิก (Turkic languages) ประกอบด้วย 2 คำ "Kara" (คารา) แปลว่า ดำ และ "Korum" หรือ "Kurum" (โครัม/คุรุม) แปลว่า กองหิน, เศษหิน, เนินหิน หรือในบางบริบทแปลว่า "ภูเขา" หรือ "สิ่งที่กีดขวาง"
เนื่องจากเทือกเขาคาราโครัม (Karakoram Range) มีลักษณะโดดเด่นคือยอดเขาสูงชัน มีหน้าผาสีดำเข้มและหินแกรนิตมากมาย จึงเป็นที่มาของชื่อที่สื่อถึงความทึบทึม หนักแน่น และท้าทายของภูมิประเทศแห่งนี้ มากกว่านั้นชื่อ “Karakoram” ยังเป็นชื่อของ ช่องเขาและเมืองโบราณในมองโกเลีย ที่เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิมองโกลในสมัยเจงกิสข่าน ทำให้ชื่อคำนี้มีความเชื่อมโยงทั้งด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเอเชียกลางและใต้ด้วยเช่นกัน
คำถามคือเรามาที่นี่ทำไม?
คุณอาจเริ่มต้นเดินทางจากราวัลปินดี หรือ อิสลามาบัด ผ่านอาบอตดาบัด (เมืองที่บิลลาเดนจบชีวิต) บีชาม ดาซู ชิลาส และไต่ไปจนถึงกิลกิต ใครจะบ้าไม่พักก็ตามใจ แต่บนเส้นทางนี้ มีจุดแวะพักแน่ๆ หนึ่งคืนที่ชิลาส (จุดแรกที่จะทำให้คุณตื่นเบาๆ กับภูเขาของทางเหนือ) และระหว่างทางจากชิลาสไปกิลกิตจะมี จุดแวะสำคัญที่จะทำให้คุณตื่นตะลึงไปกับภูเขาหิมะสีขาวโพลนสูงเกินแปดพันเมตร หนึ่งใน The Eigthousanders (ยอดเขาที่มีความสูงมากกว่า 8,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล) 14 ลูกในโลก ที่มีอยู่เพียงในหิมาลัยและคาราโรรัม (ปากีสถานมี 5 ลูก)
มาถึงตรงนี้จินตนาการทำงานไม่ได้ เพราะเพียงแค่ภาพ 16:9 ไม่อาจบรรยายความรู้สึกตอนสบตากับภูเขาสูงสง่าและมหึมาลูกนั้น ผู้มีนามอันไพเราะว่า "นันกา พาร์บัต" หรือ ไดมอยี ภูเขามรณะลูกนั้นได้เลย และหากใครตั้งใจจะพักแค่คืนเดียวก็จะเปลี่ยนใจอยากพักอีกคืนและอีกคืน เพราะเวลามันจะหยุดนิ่งมาก...ที่เบื้องบนนั้น
ที่นี่คุณอาจได้รู้จักกับ ราหะหมัด นะบี พ่อมดแห่งดินแดนกาฟรี (แปลว่านางฟ้า) ที่ทำให้เราหัวเราะอย่างสนุกสนานกับบทสนทนาสุดกวน ราหะหมัดไม่เคยบอกใครว่าเขาจบการโรงแรมมาจากออสเตรียก่อนมาเปิดรีสอร์ทในแถบทุ่งหญ้าแฟรี่มีโดว์ชื่ออันโรแมนติก แต่ไม่อนุญาตให้รถขึ้นมา คุณต้องเดินขาไม่ก็ขี่ม้าของชาวบ้านขึ้นมาเท่านั้น มันก็ยากแต่มันก็คุ้ม
ราหะหมัดผู้บอกเราด้วยวลีถากถางและใบหน้ายิ้มเยาะว่า ไม่มีที่ไหนในโลกที่ไม่อันตราย ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปอยู่ตรงไหน
“มีที่ไหนในโลกที่ไม่อันตราย นิวยอร์กก็อันตราย ลอนดอนก็อันตราย ประเทศไทยก็อันตราย คุณจะไปไหนก็อันตรายทั้งนั้นในโลกนี้ แต่คุณก็ควรรู้ว่าที่ไหนควรไปไม่ควรไป ที่ไหนไปได้ ไปไม่ได้ ปากีสถานก็เหมือนกับทุกที่ในโลก หากคุณไปแถวชายแดนอัฟกานิสถาน ผมก็ว่าไม่ควรไป แม้แต่ผมเองยังไม่กล้าไปเลย...” ราหะหมัด นะบี เจ้าของที่พักไรกอท ซารายบนท้องทุ่งนางฟ้า แฟรี่มีโดว์ กล่าวระบายความอึดอัดคับข้องใจต่อคำถามของเราที่ว่า คุณรู้สึกอย่างไรที่ใครๆ ก็ว่าปากีสถานเป็นสถานที่อันตรายแห่งหนึ่งในโลก
คืนแรกคืนนั้น บนทุ่งนางฟ้า เราได้เห็นดาวตกดวงใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา เหมือนเป็นการทักทายจากท้องฟ้าเบื้องบน และนันกาพาร์บัตก็สว่างขาวโพลนอยู่ใต้แสงจันทร์ คนนำทางย่างลูกแกะตัวหนึ่งให้เรารับทาน ไม่อยากบอกเลยว่ารสชาตมันดีขนาดไหน
มีเหตุผลมากมายที่ไปปากีฯ ไปแล้วก็ยังกลับมาอีกหลายครั้ง ทั้งที่อาหารก็อร่อยยาก แต่ก็มาจนรู้ว่าร้านอร่อยๆ มันก็มีอยู่ โดยเฉพาะร้านไก่ย่างและร้านแกงที่กินกับโรตีเด็ดๆ อาหารเช้าที่นวดแป้งใหม่ทุกๆ วันอย่างพาราตา ก็ทำให้เราจดจำและติดตรึงในรสแป้งนุ่มๆ มันๆ หอมๆ
ในปี 1966 วิศวกรจากจีนและปากีสถานร่วมกันเริ่มก่อสร้างถนนเส้นนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างสองประเทศในยุคสงครามเย็น เส้นทางยาวกว่า 1,300 กิโลเมตร ไต่ลัดเลาะผ่านหุบเหว ลำธาร และธารน้ำแข็ง ใช้เวลาสร้างกว่า 12 ปี และต้องแลกด้วยชีวิตของคนงานกว่า 1,000 คน แต่ผลลัพธ์คือ “ถนนที่สูงที่สุดในโลก” ที่เชื่อมระหว่างโลกสองใบ จีนและเอเชียใต้
KKH ได้ชื่อว่า “Friendship Highway” เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างจีนและปากีสถาน ประธานาธิบดีปากีสถานและผู้นำจีนต่างยกย่องว่าเป็น "หลักฐานแห่งการเสียสละร่วมกัน"
หลายคนรู้ว่าบางส่วนของถนนสายนี้เดินตามรอยของ เส้นทางสายไหมดั้งเดิม ที่พ่อค้าจีน อินเดีย และอาหรับเคยใช้เดินทางข้ามภูเขาเพื่อค้าขายผ้าไหม เครื่องเทศ และหินมีค่า ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) หรือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน
ในยุค 1970s-80s ถนนสายนี้เป็นเส้นทางฮิตของ “ฮิปปี้เทรล” ที่นักท่องเที่ยวตะวันตกใช้เดินทางข้ามเอเชียกลางไปอินเดียและเนปาล
เล่ามาถึงตรงนี้ เพราะมนต์ขลังของคาราโครัม ไฮเวย์ยังพาให้เราไปรู้จักดินแดนอื่นในปากีสถานที่มีทั้งความงามและความโหดร้ายกับเรื่องราวของสงครามไม่ต่างจากที่อื่น ในแว่นแคว้นทางเหนือของปากีสถานอย่างกิลกิต-บัลสติสถานก็คือจุดจบของเส้นทางก่อนจะพาเราข้ามช่องแคบคุนจีหรับไปสู่แคว้นคัชการ์ หรือคาสือในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน
ช่องเขาคุนจีหรับ (Khunjerab Pass) ที่ว่าคือด่านพรมแดนที่สูงที่สุดในโลก มีความสูง 4,730 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดที่มีความสูงที่สุดบนถนนหลวงลอยฟ้าคาราโครัม มากกว่านั้นกิลกิต-บัลติสถานแคว้นนี้ยังติดกับแคว้นแคชเมียร์ของอินเดีย ดินแดนแห่งความขัดแย้งระหว่างสองประเทศที่ยังคงสู้รบกันมาจนถึงปัจจุบัน นานกว่าอายุคุณปู่ของเราเสียอีก
แน่นอนยังมีหมู่บ้านเล็กๆ ตามรายทางที่ลืมไม่ลง ภาพสลักพระพุทธรูปยืนยันการมาถึงของพุทธศาสนาตามเส้นทางเลียบแม่น้ำสินธุ ดินแดนทิเบตน้อยอย่างคัปลู สการ์ดู ที่เราจะถูกภูเขาและทิวทัศน์กว้างใหญ่สุดประมาณดึงดูดเข้าไปจนไม่อาจกลับออกมาได้อีกเลย นี่ยังไม่ได้เล่าถึงที่ราบหมีดุ บ้านของยักษ์อย่างที่ราบเดียวซายที่พาเราไปติดหล่มในลำธารนานหลายชั่วโมงบนความสูงสี่พันเมตรที่ทำให้เพื่อนของเราขาดอากาศจะเกือบสิ้นชีพ
แน่นอนในความงามของมันคือความอันตราย เมื่อปี 2010 เกิดแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่ กลืนหมู่บ้านทั้งแห่งลงในหุบเหว และสิ่งที่หลงเหลือคือ "ทะเลสาบอัตตาบาด" สีฟ้าใสราวกระจกที่สะท้อนเงายอดเขาหิมะ ทะเลสาบเกิดขึ้นจากความสูญเสีย แต่งดงามราวบทกวีของธรรมชาติ อีกจุดที่คุณต้องแวะ
ยังมีฮุนซาที่ใครๆ ก็ต้องมา ธารน้ำแข็งยิ่งใหญ่ที่มีเรื่องเล่าถึงการเกิด-ดับ เมื่อธารน้ำแข็งหดตัว ที่นี่ยังมีพิธีการสุดโบราณ นำก้อนน้ำแข็งตัวผู้ตัวเมียเดินทางไปหากันเพื่อทำให้เกิดการขยายตัวใหม่ ในเรื่องเล่าที่สุดจะสนุกบนเส้นทางสุดโหด ที่เรามักจะถามตัวเองทุกครั้งที่มาทุกปีว่า มาทำไม
บางทีเราอาจมาเพื่อบอกโลกว่า ดินแดนปากีสถาน มันช่างงดงาม และน่าค้นหา มันเป็นความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ความไกลห่างจากทุกสิ่ง ความชายขอบ ความลำบาก ผู้คนที่สุดแสนทรหด และความรู้สึกที่ได้เดินเลียบแม่น้ำสินธุชมภาพสลักพระพุทธรูปก็ยังทำให้รู้สึกประหลาด ว่าหากมนุษย์ไม่รบกันความสงบคงทำให้มนุษย์สร้างสรรค์ความงามได้อีกมากมาย (นี่ยังไม่ได้เล่าถึงความรู้สึกแรกตอนไปทางชายแดนอาฟกานิสถาน เปชวาร์ และหุบเขาคาแลชเลย)


