posttoday

ไขข้อสงสัย ทำไมต้องให้ "กุหลาบแดง" วันวาเลนไทน์?

13 กุมภาพันธ์ 2568

วันวาเลนไทน์ เทศกาลแห่งความรักที่อบอวลไปด้วยความหวานชื่น ผู้คนนิยมมอบดอกไม้ให้แก่กัน โดยเฉพาะ "ดอกกุหลาบสีแดง" ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ไปแล้ว แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมต้องเป็นดอกกุหลาบสีแดง?

วันวาเลนไทน์หรือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่ผู้คนนิยมมอบดอกกุหลาบให้แก่กันเพื่อแสดงออกถึงความรัก แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าที่มาของธรรมเนียมการมอบดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์นั้นมีความเป็นมาที่น่าสนใจ

ในอดีต วันวาเลนไทน์ไม่ได้มีธรรมเนียมการมอบดอกกุหลาบมาตั้งแต่ต้น แต่เป็นเพียงวันที่ระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ผู้เป็นมรณสักขีในศาสนาคริสต์ โดยตำนานเล่าว่านักบวชผู้นี้ ได้ท้าทายจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ผู้ออกกฎห้ามคู่รักแต่งงาน เพราะเชื่อว่าทหารที่ไม่มีภาระทางครอบครัว จะรบได้ดีกว่า แต่นักบุญวาเลนไทน์รู้สึกเห็นใจคู่รักหลายคู่ จึงแอบจัดพิธีแต่งงานแบบคริสเตียนลับๆ ให้คู่รักหนุ่มสาว เมื่อจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 ทราบเรื่อง จึงสั่งประหารชีวิตนักบุญวาเลนไทน์ แนวคิดเรื่องวันวาเลนไทน์ในฐานะวันแห่งความรักจึงสืบทอดกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14

ไขข้อสงสัย ทำไมต้องให้ "กุหลาบแดง" วันวาเลนไทน์?

ทำไมถึงให้ดอกกุหลาบแดงในวันวาเลนไทน์

นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่าความเชื่อมโยงระหว่างความรักและความกุหลาบแดงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากตำนานเทพเจ้ากรีก โดยเชื่อกันว่า อะโฟรไดท์ เทพีแห่งความงามและความรัก ได้สร้างกุหลาบแดงดอกแรกขึ้นจากหยาดน้ำตาของพระนางที่ร่วงหล่นลงสู่พื้นดินในขณะที่ร่ำไห้ให้กับการตายของอะโดนิสคนรักของนาง

อีกตำนานหนึ่งกล่าวถึงที่มาของกุหลาบแดงในช่วงศตวรรษที่ 18 เมื่อการให้ดอกกุหลาบแดงเชื่อมโยงกับวันวาเลนไทน์เป็นครั้งแรก Lady Mary Wortley Montagu ภรรยาของเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำตุรกี ได้เขียนจดหมายเล่าถึง  “ภาษาดอกไม้ (The Language of Flowers)" ธรรมเนียมการให้ดอกไม้เพื่อสื่อความหมายแบบลับๆของชาวตุรกี

จดหมายของ Lady Mary Wortley Montagu ที่ส่งกลับไปยังอังกฤษเพื่ออธิบายธรรมเนียมนี้ อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ชนชั้นสูงในยุคนั้นทำตามธรรมเนียมดังกล่าว การให้ดอกกุหลาบในอังกฤษได้รับความนิยมในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักในเวลาต่อมา

จุดเริ่มต้นของ "ภาษาดอกไม้ (The Language of Flowers)"

ในยุควิกตอเรียของอังกฤษ สังคมมีกรอบและข้อจำกัดมากมายสำหรับสตรี การเรียนรู้ "ภาษาดอกไม้" จึงกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำหรับสุภาพสตรีโดย Mary Brooks ได้บันทึกไว้ในหนังสือ "Silent Needles, Speaking Flowers" ว่า ภาษาดอกไม้อาจเป็นช่องทางลับๆ ที่ผู้หญิงใช้ในการสื่อสารและแสดงออก

แนวคิดเรื่องภาษาดอกไม้ที่ใช้ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารลับๆนั้น ถูกเผยแพร่โดย Lady Mary Wortley Montagu ภรรยาของเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำตุรกีในศตวรรษที่ 18 เธอได้เขียนจดหมายเล่าถึงประเพณีการใช้ดอกไม้เพื่อส่งสารลับในตุรกี

อย่างไรก็ตาม Beverly Seaton ผู้เขียนหนังสือ The Language of Flowers: a History ได้แย้งว่า Lady Montagu เข้าใจผิด เพราะในภาษาตุรกี คำว่า "sélam" ไม่ได้มีความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ แต่มาจากการเล่นคำที่คล้องจองกับชื่อดอกไม้แต่ละชนิดเท่านั้น

ไขข้อสงสัย ทำไมต้องให้ "กุหลาบแดง" วันวาเลนไทน์?

ภาษาดอกไม้แพร่หลายได้อย่างไร?

แม้ว่าแนวคิดนี้อาจจะไม่ได้เริ่มต้นมาจากความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งหมด แต่ภาษาดอกไม้ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2362 Charlotte de Latour ได้ตีพิมพ์พจนานุกรมภาษาดอกไม้ "Langage des fleurs" ในฝรั่งเศส และภายในเวลา 30 ปี พจนานุกรมเล่มนี้ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษถึง 9 ฉบับ โดยหนังสือของเธอได้กำหนดความหมายให้กับดอกไม้นานาชนิด รวมถึงดอกกุหลาบ ซึ่งไม่เพียงแต่มีความหมายว่า "ความรัก" แต่ยังได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งดอกไม้ที่ธรรมชาติได้มอบความงามทั้งรูปลักษณ์และกลิ่นหอมไว้อย่างครบถ้วน

อาจกล่าวได้ว่า พจนานุกรมภาษาดอกไม้ของ Charlotte de Latour  มีส่วนสำคัญที่ทำให้แนวคิดเรื่องความหมายของดอกไม้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายไปทั่วโลก

กุหลาบในยุควิกตอเรียน: สัญลักษณ์แห่งความรักและความงาม

ในยุควิกตอเรียน (ศตวรรษที่ 19) กุหลาบไม่ได้เป็นเพียงดอกไม้ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ความงาม และความโรแมนติก การปลูกและพัฒนาสายพันธุ์กุหลาบเฟื่องฟู โดยเฉพาะกุหลาบ American Beauty ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา จนได้รับฉายาว่า "กุหลาบของเศรษฐี" และกลายเป็นต้นแบบของกุหลาบที่เรานิยมมอบให้กันในวันวาเลนไทน์

ความนิยมในกุหลาบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในอเมริกา ในยุควิกตอเรียนทั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่างมีการพัฒนาสายพันธุ์กุหลาบใหม่ๆ มากมาย ส่งผลให้กุหลาบถูกนำมาใช้ในงานเฉลิมฉลองต่างๆ รวมถึงเป็นของขวัญที่สื่อถึงความรักและความปรารถนาดี

Arielle Eckstut ผู้เขียน "The Secret Language of Color" อธิบายว่า สีแดงของกุหลาบมีความเชื่อมโยงกับอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ โดยเฉพาะความรัก ความปรารถนา และความดึงดูด นอกจากนี้ รูปทรงและกลิ่นหอมของกุหลาบยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ดอกไม้ชนิดนี้มีเสน่ห์มากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น

จากตำนานความรักของเทพีอโฟรไดท์ที่สูญเสียคนรัก ไปจนถึงภาษาดอกไม้ในยุควิกตอเรีย กุหลาบแดงยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักอันลึกซึ้ง และเป็นเหตุผลว่าทำไมกุหลาบแดงจึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรักก็เหมือนกุหลาบแดง ที่ทั้งสวยงามและเจ็บปวดด้วยหนามแหลม แต่ก็สามารถคงอยู่เหนือกาลเวลาได้เช่นกัน

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา