มศว ขับเคลื่อน“โรงเรียน–Social Lab”เชื่อมมหาวิทยาลัยกับชุมชนแม่แจ่ม
การลงพื้นที่ของผู้บริหาร มศว ที่แม่แจ่ม คือก้าวสำคัญสู่การออกแบบโรงเรียนยุคใหม่ที่เชื่อมมหาวิทยาลัยกับชุมชนจริง ผ่านโมเดล “โรงเรียน–Social Lab” เพื่อสร้างการเรียนรู้ที่เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน
รองศาสตราจารย์ ดร.ชลวิทย์ เจียรจิตต์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) พร้อมคณะผู้บริหาร ลงพื้นที่โรงเรียนสาธิต ชุมชนการเรียนรู้สมเด็จย่าฯ มศว แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเยี่ยมชมการจัดการเรียนรู้ และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพื้นที่เป็นสิริมงคลแก่คณะครู บุคลากร และนักเรียน ก่อนประกาศนโยบายสำคัญผลักดัน “โรงเรียนและ Social Lab” เป็นต้นแบบการพัฒนาการศึกษาฐานชุมชนร่วมกับมหาวิทยาลัย
ขับเคลื่อน “โรงเรียน–Social Lab” จากต้นแบบประสานมิตรสู่โรงเรียนสาธิตทั่วประเทศ
อธิการบดี มศว ระบุว่า มหาวิทยาลัยกำลังเร่งขับเคลื่อนโมเดลโรงเรียนเชิงพื้นที่ โดยให้โรงเรียนสาธิต มศว ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) เป็นต้นแบบ เพื่อขยายแนวคิด “โรงเรียน–Social Lab” สู่โรงเรียนสาธิตในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล เช่น แม่แจ่ม ที่สามารถนำการเรียนรู้จากชีวิตจริงมาออกแบบเป็นหลักสูตรที่ตอบโจทย์ชุมชน
โมเดลดังกล่าวเน้นให้นักเรียนเรียนรู้จากโจทย์จริงของพื้นที่ ผ่านการสำรวจ วิเคราะห์ และพัฒนาโซลูชั่นร่วมกับชุมชน เช่น ปัญหาขยะ น้ำ การใช้ทรัพยากร การอยู่ร่วมกัน หรือปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน เพื่อให้การเรียนรู้เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริง
Social Lab คืออะไร? มศว ตั้งเป้าพลิกห้องเรียนสู่เครื่องมือพัฒนาชุมชน
แนวคิด Social Lab ที่ มศว นำมาประยุกต์ใช้ในโรงเรียน คือการเปลี่ยนห้องเรียนให้เป็นพื้นที่ทดลองทางสังคม (Social Experimentation) ที่นักเรียนสามารถลงพื้นที่จริง ใช้เครื่องมือทางสังคมศาสตร์ เช่น แผนที่เดินดิน แผนที่ชุมชน แผนผังผู้รู้ เส้นทางเวลา หรือการสำรวจข้อมูลเชิงพื้นที่ มาวิเคราะห์ปัญหาและพัฒนาแนวทางแก้ไขร่วมกับชุมชน
การเรียนรู้รูปแบบนี้เป็น Action-Based Learning และ Project-Based Learning ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง นักเรียนทำงานร่วมกับผู้นำชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และครูที่ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ มากกว่าการถ่ายทอดความรู้บนกระดานเพียงอย่างเดียว
มศว เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยพัฒนาทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ การคิดเชิงระบบ การทำงานเป็นทีม การแก้ปัญหา การสื่อสาร และการเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบต่อสังคม ขณะเดียวกันยังช่วยให้เด็กมองเห็นคุณค่าของชุมชนของตนเองมากขึ้น
เห็นผลจริง: เด็กเรียนรู้จากชีวิต ครูเปลี่ยนบทบาท มหาวิทยาลัยเชื่อมพื้นที่
จากการทดลองใช้ Social Lab ในหลายพื้นที่พบว่า นักเรียนสามารถออกแบบโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนได้อย่างชัดเจน อาทิ โครงการสำรวจปัญหาขยะและออกแบบแคมเปญลดขยะในหมู่บ้าน การทำแผนที่ผู้รู้เพื่อเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่บทเรียนในห้องเรียน หรือโครงการศึกษาปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียนเพื่อนำไปสู่การออกแบบระบบช่วยเหลือเพื่อนนักเรียน
ในระดับมหาวิทยาลัย แนวคิดนี้ช่วยเปิดพื้นที่วิจัยประยุกต์และบริการวิชาการที่เชื่อมโยงความรู้สู่พื้นที่จริง ทำให้ มศว สามารถออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์ความท้าทายในพื้นที่ได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนมากขึ้น
ส่วนชุมชนเองได้รับประโยชน์ผ่านการมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้และการแก้ปัญหา เด็กในพื้นที่มีจิตสำนึกต่อบ้านเกิด และพร้อมเป็นกำลังสำคัญของชุมชนในอนาคต
มศว มุ่งขยายต้นแบบเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยทั้งระบบ
อธิการบดี มศว ย้ำว่า การสร้าง Social Lab ในโรงเรียนไม่ใช่เพียงโครงการระยะสั้น แต่คือการวาง “โครงสร้างการเรียนรู้ใหม่” ที่เชื่อมมหาวิทยาลัย โรงเรียน และชุมชนเข้าด้วยกันในฐานะหุ้นส่วน (Partners) เพื่อสร้างการศึกษาไทยที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ชีวิตจริงมากขึ้น
มศว เตรียมขยายการดำเนินงานสู่โรงเรียนสาธิตในพื้นที่อื่น พร้อมพัฒนาหลักสูตร ครูพี่เลี้ยง และชุดเครื่องมือการเรียนรู้เพื่อให้โรงเรียนสามารถนำโมเดลไปปรับใช้ได้อย่างยั่งยืน
การลงพื้นที่แม่แจ่มครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็น “จุดเริ่มต้นสำคัญ” ของการขยับบทบาทมหาวิทยาลัยสู่การเป็นผู้นำด้านการเรียนรู้เชิงพื้นที่ ที่ไม่เพียงผลิตบัณฑิต แต่ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชนอย่างแท้จริง


