กองทัพอากาศยุติข้อตกลงไทย-กัมพูชา ชั่วคราว ย้ำปกป้องอธิปไตยชาติ
กองทัพอากาศประกาศยุติการดำเนินข้อตกลงไทย-กัมพูชา ชั่วคราว หลังเหตุทหารเหยียบกับระเบิดในศรีสะเกษ ย้ำยึดเกียรติ ศักดิ์ศรี และผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง
KEY
POINTS
- กองทัพอากาศประกาศยุติข้อตกลงทั้งหมดกับกัมพูชาเป็นการชั่วคราว เพื่อตอบโต้เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์
- การตัดสินใจนี้เป็นการ "พักความร่วมมือ" เชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่การตัดสัมพันธ์ เพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้องความมั่นคงและชีวิตของกำลังพล
- กองทัพอากาศย้ำว่าจะยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญสูงสุด และจะยังคงยุติข้อตกลงจนกว่าพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่ออธิปไตยของไทยจะยุติลงอย่างสิ้นเชิง
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน เพจ Royal Thai Air Force กองทัพอากาศ ได้เผยแพร่แถลงการณ์สำคัญ ประกาศยุติการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาทั้งหมดเป็นการชั่วคราว จนกว่าการปฏิบัติการหรือพฤติการณ์ใด ๆ จากฝ่ายกัมพูชาที่มีลักษณะเป็น “ปฏิปักษ์” ต่อไทยจะยุติลงอย่างสิ้นเชิง โดยกองทัพอากาศย้ำจุดยืนชัดเจนว่า จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และยึดมั่นในผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ท่าทีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังเหตุการณ์สะเทือนใจในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน มีรายงานว่าทหารไทยนายหนึ่งเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นข้อเท้าขาด เหตุการณ์นี้สร้างความห่วงใยและตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองประเทศเคยร่วมกันพัฒนาและวางมาตรการเพื่อสร้างสันติภาพภายใต้ “ปฏิญญาสันติภาพไทย–กัมพูชา”
ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลไทยและกระทรวงกลาโหมได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนร่วมกัน โดยเห็นควร “ชะลอ” การดำเนินงานตามปฏิญญาสันติภาพฯ ไว้ก่อน เพื่อประเมินสถานการณ์และรอความชัดเจนจากฝ่ายกัมพูชา ขณะที่กองทัพอากาศได้ขยับทันทีด้วยการประกาศยุติการดำเนินการตามข้อตกลงทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศและชีวิตของกำลังพล
แหล่งข่าวภายในกองทัพอากาศระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่การ “ตัดสัมพันธ์” กับกัมพูชาโดยตรง แต่เป็นการ “พักความร่วมมือ” ชั่วคราวในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อแสดงความชัดเจนว่าไทยไม่ยอมรับการกระทำใด ๆ ที่เป็นภัยต่ออธิปไตยหรือความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชายแดนซึ่งยังคงเป็นพื้นที่เปราะบางต่อเหตุการณ์ความไม่สงบ
สำหรับ “ปฏิญญาสันติภาพไทย–กัมพูชา” ที่ถูกชะลอในครั้งนี้ เป็นกรอบความร่วมมือที่ทั้งสองประเทศลงนามเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ลดความขัดแย้ง และพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนร่วมกัน ทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว และความมั่นคง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ล่าสุดได้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการทบทวนและสร้างกลไกคุ้มครองความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนในพื้นที่อย่างรอบคอบยิ่งขึ้น
ในช่วงท้ายของแถลงการณ์ กองทัพอากาศเน้นย้ำว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยเกียรติ ศักดิ์ศรี และยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง” ซึ่งถือเป็นข้อความที่สะท้อนจุดยืนชัดเจนของกองทัพต่อสถานการณ์ชายแดนในขณะนี้ และยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังทุกฝ่ายว่า ความสงบและความมั่นคงของชาติจะต้องมาก่อนความร่วมมือในทุกมิติ หากยังมีเงื่อนไขของความเป็นปฏิปักษ์หลงเหลืออยู่
การประกาศยุติข้อตกลงในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการแสดงจุดยืนทางการทหาร แต่ยังเป็นการประกาศเชิงสัญลักษณ์ถึงความพร้อมของไทยในการปกป้องอธิปไตยและศักดิ์ศรีของชาติ ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไ


