อนุทิน ย้ำไม่ยอมให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชา พร้อมปกป้องอธิปไตย
นายกรัฐมนตรีประกาศจุดยืนชัด รัฐบาลไม่ยอมให้ไทยเสียเปรียบเพื่อนบ้าน หากมีการรุกรานจะตอบโต้ทันที พร้อมยืนยันยังไม่เปิดด่านชายแดนจนกว่าสถานการณ์มั่นคงปลอดภัย
วันที่ 19 ตุลาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาวิชาการของแพทยสภาและสถาบันมหิตลาธิเบศร เรื่อง “ธรรมาภิบาลทางการแพทย์กับการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” พร้อมรับมอบโล่เกียรติยศจากหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) รุ่นที่ 5
ในช่วงหนึ่งของการกล่าวปาฐกถา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยอมให้ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน และพร้อมดำเนินมาตรการตอบโต้หากเกิดการรุกรานหรือการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม
“รัฐบาลไม่มีทางยอมให้ประเทศของเราเสียเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศใดก็ตาม เรามีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ถึงที่สุด” นายอนุทินกล่าว พร้อมระบุว่า การไม่เปิดเผยแผนการดำเนินงานต่อสาธารณะเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสามารถปรับตัวได้ทัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนยังอยู่ในความสงบ ไม่มีการยิงหรือการยั่วยุใด ๆ เกิดขึ้น เนื่องจากข้อความของฝ่ายไทยได้ส่งถึงคู่กรณีแล้วอย่างชัดเจนว่า “ถ้ามาก็จัดเต็ม” ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องพิจารณาท่าทีอย่างรอบคอบและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
ส่วนกรณีการเปิดด่านชายแดน นายอนุทินเปิดเผยว่า ระหว่างการลงพื้นที่พบประชาชนในเขตชายแดน ได้รับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่กว่า 100% เห็นตรงกันว่า “พร้อมยอมรับความไม่สะดวกชั่วคราว ดีกว่าเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ” ดังนั้น รัฐบาลจึงยังไม่พิจารณาการเปิดด่านในระยะนี้จนกว่าสถานการณ์ภัยคุกคามจะสิ้นสุดลง
นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีการลักลอบเข้ามาในเขตแดนไทย เจ้าหน้าที่จะดำเนินการผลักดันออกไปตามอำนาจที่กฎหมายกำหนด แต่หากเป็นพื้นที่พิพาท รัฐบาลจะดำเนินการภายใต้กรอบมาตรฐานสากลและผ่านการเจรจาอย่างระมัดระวัง
“รัฐบาลจะใช้สติและความรอบคอบสูงสุดในการแก้ปัญหา ทุกการตัดสินใจต้องรักษาศักดิ์ศรีอธิปไตยและประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม แต่หากช้ามากเกินไปก็อาจเสียหาย” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย


