รัฐบาลคุมเข้มใบกระท่อมขายใกล้โรงเรียน ปรับหนักสุดครึ่งแสนบาท
รัฐบาลคุมเข้ม “พืชกระท่อม” ป้องกันการแพร่ระบาดในเยาวชน ห้ามจำหน่ายในรัศมี 1 กิโลเมตรรอบสถานศึกษา ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาทผสมยาเสพติดอื่นโทษจำคุกถึง 5 ปี
KEY
POINTS
- รัฐบาลออกมาตรการห้ามขายใบกระท่อมและน้ำต้มกระท่อมในรัศมี 1,000 เมตรจากสถานศึกษา และห้ามขายในลักษณะเร่ขายในที่สาธารณะ
- ผู้ที่ฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าวจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
- มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมและป้องกันการเข้าถึงพืชกระท่อมของกลุ่มเด็กและเยาวชน
นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการควบคุมการขายและการโฆษณา “พืชกระท่อม” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้สถานศึกษา สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค
กระทรวงศึกษาธิการได้รับคำสั่งให้กำชับบุคลากรในสังกัดเฝ้าระวังและติดตามการลักลอบจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมในพื้นที่โรงเรียน หากตรวจพบว่ามีบุคลากรเกี่ยวข้อง ต้องดำเนินการทางกฎหมายและทางวินัยโดยไม่ละเว้น พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครองและประชาชนร่วมกันสอดส่องป้องกันไม่ให้มีการจำหน่ายหรือบริโภคพืชกระท่อมใกล้สถานศึกษา
ทั้งนี้ รัฐบาลตระหนักถึงแนวโน้มการบริโภคใบกระท่อมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบการต้มขายเร่หรือตั้งแผงลอยในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งอาจเปิดช่องให้เยาวชนเข้าถึงได้ง่าย จึงได้ออก **ประกาศกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2568** กำหนดข้อห้าม 3 ประการ ได้แก่
1. ห้ามขายใบกระท่อมและน้ำต้มใบกระท่อมในรัศมีไม่เกิน 1,000 เมตรจากสถานศึกษาทุกแห่ง
2. ห้ามขายในลักษณะเร่ขาย เช่น หาบเร่ รถเข็น หรือแผงลอยในที่สาธารณะ
3. ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท
รองโฆษกรัฐบาลย้ำว่า ผู้ค้าและผู้บริโภคต้องระมัดระวัง หากมีการนำใบกระท่อมไปผสมกับยาเสพติดหรือวัตถุอันตราย ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามมาตรา 101 ของพระราชบัญญัติยาแผนปัจจุบัน
ในกรณีที่มีการปรุงหรือผสมใบกระท่อมกับยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 27 และ 36 ของพระราชบัญญัติพืชกระท่อม ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท
รัฐบาลย้ำเตือนให้พ่อค้า แม่ค้า และเยาวชนตระหนักถึงอันตรายของการบริโภคพืชกระท่อมในทางที่ผิด พร้อมขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นการฝ่าฝืนสามารถแจ้งได้ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาคทุกแห่ง หรือสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมกันสร้างสังคมปลอดภัยจากยาเสพติดและพฤติกรรมเสี่ยงในกลุ่มเยาวชน.


