"เกาหลีใต้" เร่งดำเนินการทางการทูต เหตุลักพาตัวชาวเกาหลีในกัมพูชา
"เกาหลีใต้" ประกาศมาตรการเข้ม! คุ้มครองพลเมืองในประเทศกัมพูชา เร่งดำเนินการทางการทูต หลังเหตุลักพาตัวชาวเกาหลีในกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้น
รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศมาตรการเข้มงวดเพื่อคุ้มครองพลเมืองในประเทศกัมพูชา หลังจากกรณีการลักพาตัวและบังคับใช้แรงงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกรณีล่าสุดของนักศึกษาเกาหลีวัย 22 ปีที่เสียชีวิตจากการถูกทรมาน หลังถูกหลอกให้เดินทางไปทำงานผ่านข้อเสนองานปลอม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า นายยู แจซอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจ จะจัดการประชุมทวิภาคีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของกัมพูชาในวันที่ 23 ตุลาคม ที่กรุงโซล ในระหว่างการประชุมสุดยอดตำรวจนานาชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารือแนวทางรับมือและยับยั้งอาชญากรรมที่มุ่งเป้าชาวเกาหลีในกัมพูชา
หนึ่งในข้อเสนอที่เกาหลีใต้เตรียมผลักดัน คือการจัดตั้ง “เคาน์เตอร์ช่วยเหลือชาวเกาหลี” (Korean Desk) ภายในสถานีตำรวจในกัมพูชา พร้อมทั้งเสนอการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีไปยังพื้นที่ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการสืบสวนและช่วยเหลือพลเมือง
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นภายหลังประธานาธิบดี อี แจมยอง มีคำสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศ “ใช้มาตรการทางการทูตอย่างเต็มที่” เพื่อปกป้องชาวเกาหลีในกัมพูชาจากอาชญากรรมที่กำลังเพิ่มขึ้น โดยทำเนียบประธานาธิบดีเปิดเผยว่า หากจำเป็นจะมีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในอนาคต
ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ประกาศคำเตือนการเดินทางพิเศษสำหรับกรุงพนมเปญ ซึ่งมีผลตั้งแต่เวลา 21.00 น. ของวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยขอให้ประชาชนพิจารณาเลื่อนหรือยกเลิกแผนการเดินทาง
ทางการยังเตือนประชาชนไม่ให้หลงเชื่อข้อเสนองานจากกัมพูชาที่เสนอค่าตอบแทนสูงเกินจริง เนื่องจากมีหลายกรณีที่ผู้ตกเป็นเหยื่อถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ หรือถูกบังคับให้เข้าร่วมกิจกรรมหลอกลวงผ่านออนไลน์
ในเหตุการณ์ล่าสุด ชาวเกาหลีใต้ 2 รายถูกพบและช่วยเหลือจากเมืองสีหนุวิลล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชาเมื่อต้นเดือนตุลาคม โดยเหยื่อให้การว่า ถูกข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย และบังคับให้เข้าร่วมขบวนการหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต
นายพัค ชานแด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปไตยเกาหลี เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า การช่วยเหลือครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างครอบครัวเหยื่อ รัฐบาล และสำนักงานของเขา
โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม สำนักงานของเขาเคยมีบทบาทในการช่วยเหลือชาวเกาหลี 14 คนที่ถูกควบคุมตัวใกล้เมืองกำปอต ซึ่งพบศพชายชาวเกาหลีหนึ่งรายในระหว่างปฏิบัติการช่วยเหลือ และภายหลังได้รับการยืนยันว่าเป็นนักศึกษาชาวเกาหลีแซ่พัค
ตำรวจเกาหลีใต้และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติอยู่ระหว่างหารือกับทางการกัมพูชาในการจัดการชันสูตรพลิกศพร่วมกัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งศพกลับประเทศโดยเร็ว ทั้งนี้ ผลชันสูตรเบื้องต้นระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตคือภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจากการถูกทรมาน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังเปิดเผยด้วยว่า มีแผนส่ง นายพัค ซองจู ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวนแห่งชาติ เดินทางไปกัมพูชาในเร็ว ๆ นี้ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภาคสนามและหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือด้านการสืบสวนสอบสวน
นอกจากนี้ นายพัคยังวิจารณ์แนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่กำหนดให้ต้องมีภาพถ่ายหรือวิดีโอของเหยื่อขณะถูกควบคุมตัวก่อนเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือว่า “ไร้เหตุผล” และเตรียมเรียกร้องให้มีการดำเนินการในระดับรัฐสภาระหว่างการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานรัฐบาลในเดือนนี้
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า พบกรณีที่เหยื่อบางรายปฏิเสธว่าไม่ได้ถูกควบคุมตัว หรือไม่ต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากเกรงกลัวหรือได้รับคำสั่งจากผู้ควบคุม ทั้งนี้ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เรียกร้องให้ทางการกัมพูชาเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือโดยใช้เพียงข้อมูลส่วนบุคคลและสถานที่ต้องสงสัยว่าเหยื่อถูกควบคุมตัวเท่านั้น
ส.ส. คิม กอน จากพรรคพลังประชาชน ฝ่ายค้านหลัก เปิดเผยว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2025 มีรายงานการลักพาตัวชาวเกาหลีในกัมพูชากว่า 330 กรณี เพิ่มขึ้นจาก 220 กรณีในปี 2024 และมากกว่าในปี 2023 ซึ่งมีเพียง 21 กรณี และในปี 2021 ที่มีเพียง 2 กรณี
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ประเมินว่า จนถึงเดือนมิถุนายน 2025 มีกลุ่มปฏิบัติการหลอกลวงทางออนไลน์ในกัมพูชาอย่างน้อย 53 แห่ง โดยกล่าวหาว่าทางการกัมพูชายังขาดการปราบปรามอย่างจริงจัง
ในปี 2024 มีชาวเกาหลีใต้เดินทางไปกัมพูชาประมาณ 200,000 คน และมีชาวเกาหลีอาศัยอยู่ในประเทศราว 10,000 คน ตามข้อมูลของรัฐบาลเกาหลีใต้


