มท.สอบปมหลวงพ่ออลงกตใช้เลขผู้ตายทำธุรกรรม คาด2สัปดาห์รู้ผล
ปลัด มท.เผยต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ตรวจสอบ ปมเลขบัตรปชช.ผู้เสียชีวิตถูกนำไปทำธุรกรรม ย้ำหลวงพ่ออลงกตกับข้าราชการที่เสียชีวิตเป็นคนละคน
KEY
POINTS
- กระทรวงมหาดไทยสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการนำเลขบัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตไปใช้ทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่ออลงกต
- ปลัดมหาดไทยยืนยันว่าหลวงพ่ออลงกตและผู้เสียชีวิตเป็นคนละบุคคลกัน โดยมีข้อมูลส่วนบุคคลและเลขบัตรประชาชนที่แตกต่างกัน
- คาดว่าการตรวจสอบจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะได้ข้อสรุป และหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีเลขประจำตัวประชาชนของหลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ตรงกับนายอลงกต พลมุข ข้าราชการกรมชลประทานที่เสียชีวิตไปแล้ว ว่า กรมการปกครองได้ตรวจสอบและยืนยันว่า ทั้งสองคนเป็นบุคคลละคนกัน โดยหลวงพ่ออลงกตใช้นามสกุล “พูลมุข” มีสระอู ส่วนข้าราชการที่เสียชีวิตใช้นามสกุล “พลมุข” ไม่มีสระอู และเลขบัตรประจำตัวประชาชนก็ไม่ซ้ำกัน
นายอรรษิษฐ์ ระบุว่า การนำเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปทำธุรกรรมทางการเงิน ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าทำไมถึงมีการใช้เลขของผู้เสียชีวิต โดยได้มอบหมายให้กรมการปกครองตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกมิติ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะได้ข้อสรุป หากพบความผิดพลาดจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ปลัดมหาดไทยกล่าวเพิ่มเติมว่า หลวงพ่ออลงกตเกิดปี 2503 ส่วนนายอลงกต พลมุข เกิดปี 2505 ไม่ใช่บุคคลเดียวกัน ส่วนกรณีการใช้เลขบัตรประชาชนไปทำธุรกรรมหรือออกหนังสือราชการในช่วงที่ไม่ปรากฏข้อมูลในทะเบียนราษฎร์นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความผิดหรือไม่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกองทุนอาทรประชานาถของวัดพระบาทน้ำพุใช้เลขบัตรประชาชนของผู้ตายไปเปิดพร้อมเพย์ นายอรรษิษฐ์ตอบว่า ต้องตรวจสอบรายละเอียดว่ามีการดำเนินการอย่างไร และใครเป็นผู้เกี่ยวข้อง ย้ำว่าจริง ๆ แล้วเลขบัตรของหลวงพ่ออลงกตเป็นคนละเลขกับผู้เสียชีวิต
สำหรับการตรวจสอบเชิงความมั่นคง นายอรรษิษฐ์ระบุว่า กรมการปกครองเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ หากมีความคืบหน้าจะรายงานมายังกระทรวงมหาดไทยต่อไป


