กัมพูชาปฏิเสธแผนที่ไทย ย้ำยึดหลัก MOU 2543 กำหนดเขตแดน
สื่อกัมพูชาเผย กัมพูชาไม่ยอมรับแผนที่ที่ไทยจัดทำฝ่ายเดียวอย่างเด็ดขาดในการใช้เป็นฐานสำหรับการพิจารณาปัญหาเขตแดน
รัฐบาลกัมพูชาได้แถลงยืนยันอย่างชัดเจนในวันนี้ว่า ไม่สามารถยอมรับแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้จัดทำขึ้นโดยฝ่ายเดียวและใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเจรจาเรื่องพรมแดนได้ โดยระบุว่า แผนที่ดังกล่าวเป็นต้นเหตุหลักของข้อพิพาทเขตแดนเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และอาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ตามแถลงข่าวของสำนักเลขาธิการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชายแดน ซึ่งออกภายหลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Border Committee: JBC) ที่จัดขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ ระบุว่า ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายลำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชายแดน และประธานคณะกรรมการชายแดนร่วมฝ่ายกัมพูชา ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสตร์ ประศาสน์วิจิตรชัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ และประธานคณะกรรมการชายแดนร่วมฝ่ายไทย
จากรายงานการประชุมดังกล่าว นายลำ เจียได้กล่าวว่า นอกเหนือจากพื้นที่ทั้งสี่แห่งที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แล้ว ฝ่ายกัมพูชายังคงยึดมั่นในจุดยืนและแสดงความปรารถนาดีในการร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการวัดแนวเขตและการปักปันเขตแดน โดยอาศัยกลไกของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC)
นายลำ เจียยังได้กล่าวย้ำถึงนโยบายของรัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาในการยึดมั่นในสันติวิธี และแสวงหาแนวชายแดนที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือที่ดีต่อฝ่ายไทย โดยต้องอิงตามเอกสารทางกฎหมายและแผนที่ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันไว้ในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อปี พ.ศ. 2543 ซึ่งได้กำหนดให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และยึดตามเจตนารมณ์ของอนุสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ปี พ.ศ. 2447 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ปี พ.ศ. 2450 ในการดำเนินการกำหนดแนวเขตแดนและการปักปันเขตแดน
ในประเด็นนี้ ฝ่ายกัมพูชาจึงขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยได้จัดทำขึ้นโดยลำพังและนำมาใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของความขัดแย้งเกี่ยวกับแนวเขตแดนที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในอดีต ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และอาจมีแนวโน้มเกิดขึ้นอีกในอนาคต
การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยครั้งนี้จัดขึ้นในบรรยากาศที่เป็นมิตรและเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยดำเนินไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการสนทนาอย่างเปิดเผยและสร้างสรรค์ การประชุมได้ข้อสรุปโดยมีการหารืออย่างครบถ้วนตามระเบียบวาระที่ตกลงร่วมกัน และมีการลงนามในบันทึกการประชุมอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568
ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะจัดการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกันยายน พ.ศ. 2568


