กัมพูชาถือฤกษ์ชนะคดีเขาพระวิหาร ยื่นฟ้องศาลโลก 4 จุดพิพาทชายแดนไทย

สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ผ่านช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของรัฐบาลในช่วงเช้าวันที่ 15 มิถุนายน 2025 โดยระบุอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาเลือกใช้แนวทางแห่งกฎหมายระหว่างประเทศและสันติวิธีในการคลี่คลายสถานการณ์เขตแดนที่ยังคงคั่งค้างกับราชอาณาจักรไทย โดยระบุว่า

“วันนี้ วันที่ 15 มิถุนายน 2025 รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึงศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อขอให้ช่วยหาทางออกต่อข้อพิพาทเรื่องเขตแดน ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมเบย”

ท่านนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมว่า วันที่ 15 มิถุนายน นั้นมีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ของกัมพูชา เนื่องจากเมื่อ 63 ปีก่อนในวันที่เดียวกันของปี 1962 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้มีคำวินิจฉัยให้กัมพูชาเป็นผู้ชนะในคดีปราสาทพระวิหาร เหนือราชอาณาจักรไทย

แม้เหตุการณ์ทั้งสองจะเกิดขึ้นห่างกันกว่า 6 ทศวรรษ แต่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยืนยันว่า

“เจตจำนงและหลักการยังคงเหมือนเดิม คือ การยึดมั่นในแนวทางสันติภาพและหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ ผ่านกลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทชายแดนที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงต่อการปะทะด้วยอาวุธ ซึ่งไม่สามารถหาข้อยุติได้ด้วยกลไกทวิภาคี ทั้งในอดีตบริเวณปราสาทพระวิหาร และในปัจจุบันที่ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และพื้นที่มุมเบย”

ยึดหลักความยุติธรรม เพื่ออนาคตที่มั่นคง

ฮุน มาเนต ยังกล่าวย้ำถึงจุดยืนของกัมพูชาว่า รัฐบาลเพียงต้องการเห็นความเป็นธรรม ความชัดเจน และการปักปันเส้นเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างถูกต้องตามหลักสากล เพื่อให้บุตรหลานของประชาชนทั้งสองชาติไม่ต้องแบกรับภาระปัญหาที่สืบต่อกันอย่างไม่รู้จบ

“เราขอเพียงความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความชัดเจน เพื่อกำหนดเส้นเขตแดนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังต้องเผชิญกับปัญหาเรื้อรังอีกต่อไป”

พร้อมกันนี้ ยังได้ขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาไว้วางใจรัฐบาลในการปฏิบัติภารกิจสำคัญครั้งนี้ โดยเน้นย้ำว่า รัฐบาลมีความตั้งใจจริงและจะดำเนินการด้วยความรับผิดชอบสูงสุด เพื่อรักษาเสถียรภาพของแผ่นดิน และประโยชน์สูงสุดของชาติและประชาชนชาวกัมพูชา