posttoday

กสทช.ธนพันธุ์ ปฎิเสธคดีฮั้วประมูล 158 ล.พร้อมแจง ป.ป.ช.ใน 15 วัน

12 มิถุนายน 2568

“พล.อ.ท.ธนพันธุ์” พร้อมแจงป.ป.ช.ภายใน 15 วัน หลังถูกเรียกสอบคดีฮั้วประมูลระบบไอที วงเงิน 158 ล้านบาท เผยไม่เคยเลือกบริษัทรับงาน หรือลดวงเงินลักษณะ “แบ่งจ้าง”

จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเห็นชอบให้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในคดีหมายเลข 01-2-0602/2566 ที่มีมูลความผิดเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ วงเงินรวมกว่า 158 ล้านบาท https://www.thansettakij.com/politics/629785 

ทั้งนี้ผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ประกอบด้วย นายเนติพงษ์ ตลับนาค รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กสทช., อดีตผู้บริหารระดับสูงหลายราย รวมถึง พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. คนปัจจุบัน ซึ่งขณะเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่เลขานุการประธาน กสทช. และเป็นอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ นั้น

เรื่องดังกล่าว พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวว่า ตนเองทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และกำลังเตรียมชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ภายใน 15 วัน ซึ่งข้อกล่าวหาระบุว่า การจัดซื้อจัดจ้างใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบบริหารการเงิน การบัญชี การจัดการรายได้ และระบบสินทรัพย์ (ERP) วงเงิน 98 ล้านบาท และ โครงการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) วงเงิน 60 ล้านบาท 

โดยกล่าวหาว่าตนเองมีพฤติการณ์ “แบ่งจ้าง” โดยปรับลดวงเงินงบประมาณลงให้เหลือโครงการละ 50 ล้านบาท เพื่อหลีกเลี่ยงการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. และให้เป็นอำนาจพิจารณาของ “เลขาธิการ กสทช. ซึ่งในสมัยนั้นคือ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ โดยความเห็นชอบของประธาน กสทช.” แทน ซึ่งสะท้อนถึงการเจตนาหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจสอบขององค์กร รวมถึงรู้เห็น กับ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี อดีตประธาน กสทช.ในการเสนอให้ “สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง” (สจล.) ได้รับการว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาของทั้งสองโครงการ 

พล.อ.ท.ธนพันธุ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงประการแรกคือ ตนเองไม่ได้เป็น เลขานุการประธาน กสทช. พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ตามที่กล่าวอ้าง และการกล่าวหาว่ารู้เห็นและให้ว่าจ้าง สจล.ในการดำเนินการทั้ง 2 โครงการ ก็เป็นการกล่าวด้วยวาจา ที่สำคัญ ตนเองก็ยังไม่ได้เป็นรองเลขาธิการกสทช.เลยด้วยซ้ำในห้วงเวลานั้น

ทั้งนี้ มติที่ประชุมอนุกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ได้เห็นด้วยกับโครงการนี้ โดยเสนอให้บูรณาการทั้ง 2 โครงการ และว่าจ้างที่ปรึกษาที่เป็นมหาวิทยาลัยในงบประมาณ 4 ล้านบาท แทนการจัดซื้อจัดจ้างใน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาระบบบริหารการเงิน การบัญชี การจัดการรายได้ และระบบสินทรัพย์ (ERP) วงเงิน 98 ล้านบาท และ โครงการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) วงเงิน 60 ล้านบาท ซึ่งการปรับลดวงเงินเหลือโครงการละ 50 ล้านบาท เป็นเรื่องของมติบอร์ดกสทช.ในชุดก่อน 

ข่าวล่าสุด

ก.ล.ต. ชี้ประชุมผู้ถือหุ้น THAI ต้องเป็นไปตามกฎหมายบริษัทมหาชน