posttoday

พรรคประชาชน ขีดเส้น 2 เดือน สรรพากร ตอบปมเงินสด 12 ล้าน

09 มิถุนายน 2568

3 ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นสอบปมที่มาเงินสด 12 ล้านของสามีข้าราชการป.ป.ช. ขีดเส้น 2 เดือนกลับมาทวงอีกครั้ง ฝากรมว.คลังเร่งรัด เพราะสังคมต้องการความโปร่งใส ส่วนปมตั๋ว P/N นายกฯ ยังไม่ถึงคิวสอบ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ 9 มิ.ย.2568 นำโดย น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และน.ส.พนิตา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคประชาชนได้เดินทางมายังกรมสรรพากร เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสรรพากร ณ สำนักงานใหญ่กรมสรรพากร เพื่อขอให้ตรวจสอบที่มาของเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท ที่พบในคอนโดเมืองทองธานี จ.นนทบุรี  โดยปรากฏชื่อของนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว สามีของข้าราชการระดับผู้อำนวยการในสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นเจ้าของ โดยมีนางลัดดา เอกอัจฉริยา นักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ  รักษาราชการแทนเลขานุการกรมเป็นตัวแทนกรมสรรพากรรับมอบหนังสือ 

 

โดยเห็นว่า ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามประมวลรัษฎากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โปรดตรวจสอบข้อมูลรายได้ และข้อมูลแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของนายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ตลอดจนข้อมูลทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจมิได้มีการแสดงต่อกรมสรรพากร หากปรากฏว่านายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว มีเงินได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 จนถึงปัจจุบัน
 

เพื่อให้นายทวีวัฒน์ เส้งแก้ว ยื่นแบบแสดงรายการ และชำระภาษี (หากมี) ต่อกรมสรรพากรให้ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมาย

 

ทั้งนี้ หากท่านได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นประการใด โปรดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และกรุณาแจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

 

น.ส.ภคมน กล่าวกับสื่อมวลชน ภายหลังยื่นหนังสือว่า การร้องขอตรวจสอบในครั้งนี้ ไม่ใช่การเล่นงานใครเป็นรายบุคคล แต่เป็นเรื่องที่สังคมต้องได้รับคำตอบ เป็นเรื่องของความโปร่งใสว่าเงินสดจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน และเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ ไม่เช่นนั้นสังคมจะอยู่ไม่ได้ เพราะตอนนี้จะสะกิดตรงไหนของระบบก็เจอแต่ความคลุมเครือ เราอยู่ในสังคมที่ทุกอย่าง ‘ดำ เทา’ ไปหมด ดังนั้นวันนี้ถึงเวลาสังคมต้องร่วมมือกันจับตา


เรายื่นหนังสือแล้วก็จะได้ เลขติดตาม ซึ่งจะช่วยให้เราตรวจสอบความคืบหน้าได้ในอนาคต แต่เจ้าหน้าที่ก็พูดตรง ๆ ว่างานร้องเรียนเยอะมาก และอาจใช้เวลาประมาณสองเดือนกว่าจะดำเนินการ ดังนั้นเราจะกลับมาทวงถามใหม่ โดยเชื่อว่ากรมสรรพากร เป็นหน่วยงานรัฐไม่น่าจะนิ่งเฉยในเรื่องนี้
 

ด้าน น.ส.รักชนก ได้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ระบบราชการจะมีลำดับขั้นตอน แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจสูง หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อยากจะเร่งรัดให้เป็นเรื่องเร่งด่วนจริงก็สามารถทำได้ และไม่ควรปล่อยให้การตรวจสอบล่าช้าจนประชาชนหมดความเชื่อมั่น

พูดกันตรง ๆ ถ้ารัฐมนตรีคลังหรือผู้มีอำนาจเห็นว่า เคสไหนว่าสำคัญ มันก็เร่งรัดให้เร็วได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเคสที่ประชาชนสนใจแบบนี้ ไม่ควรปล่อยให้ทุกหน่วยงานต้องรอคิวไปเรื่อย ๆ หรือต้องรออีก 5 ปี 7 ปี ไม่รู้จะจบหรือไม่ เพราะเรื่องนี้จะช่วยความกระจ่างให้กับสังคม จึงขอฝากรัฐมนตรีด้วยว่า ถ้าคดีไหน มีความสำคัญมีอินแพ็คต่อสังคมท่านก็ต้องเรียงลำดับความสำคัญ 


หลังจากเสร็จจากการยื่นหนังสือที่กรมสรรพากร ตนจะเดินหน้าต่อไปถึงสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อผลักดันให้กระบวนการสอบสวนมีความโปร่งใสและไม่ถูกแทรกแซง

 

ส่วนความคืบหน้า กรณีการตรวจสอบการซื้อหุ้นมูลค่า 4,434.5 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) กรมสรรพากรชี้แจ้งว่า ข้อร้องเรียนดังกล่าวยังไม่ถึงคิวในการพิจารณา ต้องรอตามลำดับเรื่องร้องเรียนไปก่อน จึงฝากสื่อมวลชนช่วยติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ข่าวล่าสุด

กรมอุตุฯเตือนทั่วไทยมีฝนฟ้าคะนอง ตกหนักสุดภาคตะวันออกร้อยละ60