มท. สั่งด่วน! คุมเข้มความปลอดภัย 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
มหาดไทยสั่งด่วนที่สุด! ผู้ว่าฯ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ คุมเข้มความปลอดภัยประชาชน รับมือสถานการณ์ชายแดน
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า
ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ตั้งอยู่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ดูแลความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงสนับสนุนทรัพยากรและกำลังเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนนั้น
ล่าสุด นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสั่งการของนายอนุทินอย่างเคร่งครัด
โดยทาง นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง "กำชับแนวทางการปฏิบัติงานในสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา"
ส่งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาทั้ง 7 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี สระแก้ว อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ เพื่อกำชับแนวทางการปฏิบัติงานในสถานการณ์ดังกล่าว
ตามที่มีเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 ซึ่งส่งผลให้ด่านชายแดนไทย - กัมพูชา และพื้นที่อื่น ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันและระมัดระวังเหตุลุกลามมากยิ่งขึ้นนั้น
ในการนี้ กรมการปกครองมีภารกิจเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในประเทศ และการอาสารักษาดินแดน เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคง ปลอดภัย และให้เกิดความสงบสุขในสังคมอย่างยั่งยืน
จึงขอเน้นย้ำแนวทางปฏิบัติเพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้
1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการให้ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ดำเนินการตามภารกิจการดูแลความมั่นคงภายใน ให้ความสำคัญสูงสุด การดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
โดยประเมินสถานการณ์ จำนวนประชาชนในในพื้นที่เสี่ยง ชี้แจงแผนอพยพประชาชน กำหนดจุดรวมพล และจุดพักพิงในพื้นที่ปลอดภัย ตลอดจนการดูแลประชาชนในจุดพักพิง ให้ทุกขั้นตอนปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมปรับปรุงแผนเผชิญเหตุ กำหนดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ เตรียมกำลังพลให้มีความพร้อมปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนหน่วยทหารในการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่
2. ให้ผู้ว่ารายการจังหวัด ในฐานะผู้บัญชาการอาสารักษาดินแดนจังหวัด สั่งการเจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เตรียมความพร้อมกำลังพลเพื่อปฏิบัติงานในยามฉุกเฉิน
ตรวจสอบพื้นที่ล่อแหลม สนับสนุนการเฝ้าตรวจและการจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน หากเกิดภาวะไม่ปกติ ให้ปฏิบัติตามแนวทางในแผนรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและพิทักษ์พื้นที่เขตหลัง ประกอบแผนสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ปฏิบัติภารกิจประจำปี พ.ศ. 2568
3. ประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์ และแจ้งข่าวสารทางราชการให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและสามารถปฏิบัติตนได้เมื่อเกิดสถานการณ์
4. กรณีเกิดสถานการณ์ความไม่สงบอันส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ให้จังหวัดรายงานสถานการณ์ให้กรมการปกครองทราบในวาระแรกโดยเร็วที่สุดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


