DSI จ่อยื่น ป.ป.ช. ฟันผู้บริหาร-กรรมการ 70 รายฮั้วประมูลตึก สตง.
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เตรียมส่งสำนวนคดีการทุจริตฮั้วประมูลตึก สตง. ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในสัปดาห์หน้า
ร้อยตำรวจเอก สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข่าวสารว่า “DSI ส่งสำนวนกรณีฮั้วฯ ตึก สตง. ให้ ปปช.” เปิดเผยว่า DSI ได้มีการประชุมสรุปผลการสอบสวนคดีที่ 32 เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และได้มีการขยายผลแยกเป็นคดีที่ 58/2568 เกี่ยวกับการฮั้วประมูล และกรณีบริษัทนอมินี หลังพบความผิดปกติในการคัดเลือกเอกชน และการปลอมแปลงเอกสารบุคคล
พบการทุจริตในหลายระดับ ตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงกรรมการ
นายสุรวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของการฮั้วประมูล DSI ได้สรุปสำนวนและกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย
- ผู้บริหารองค์กรอิสระ: มีการกล่าวหาในเรื่องการล็อกสเปคเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาในการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน
- คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง: จำนวน 10 คณะ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน
- คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง มาตรา 7: จำนวน 15 ท่าน ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการยกเว้นหลักเกณฑ์และกฎกระทรวง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทเอกชนบางราย
โดยรวมแล้วมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดประมาณ 50 กว่าราย ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ และอีก 6 ราย เป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน คือ บริษัท พี.เค.ดับบลิว. ซึ่งรวมแล้วประมาณ 70 กว่าราย โดยจะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ภายในสัปดาห์หน้า
บริษัทเอกชน "พี.เค.ดับบลิว." ถูกกล่าวหาปลอมแปลงเอกสารบุคลากร
จากการสอบสวน DSI พบหลักฐานว่า บริษัท พี.เค.ดับบลิว. ซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบงานควบคุมงาน มีการปลอมลายมือชื่อ และนำชื่อบุคคลอื่นที่ไม่มีคุณสมบัติตามทีโออาร์ มาเสนอราคาในการคัดเลือก ทำให้ DSI กล่าวหาดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในบริษัท พี.เค.ดับบลิว. รวม 6 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดฮั้วประมูลตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง และการควบคุมงาน
พยานสำคัญแฉเบื้องลึกการทุจริตใน สตง.
นายสุรวุฒิยังกล่าวถึงกรณีที่มีพยานสำคัญ 2 ราย ซึ่งเป็นบุคคลที่ให้การว่ารู้เห็นในรายละเอียดที่เกิดขึ้น และปรากฏเป็นข่าว ได้เข้ามาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งพยานทั้งสองกล่าวหาว่ามีการล็อกสเปค หรือการเอื้อประโยชน์ในการจัดซื้อจัดจ้าง ตาม พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง มาตรา 10, 11 และ 12 รวมถึงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
DSI ยืนยันการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
DSI ยืนยันว่าได้ประสานงานกับกรมโยธาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อรวบรวมเอกสารและหลักฐานเพิ่มเติม โดยจะคัดแยกเอกสารที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา เพื่อส่งมอบให้ ป.ป.ช. ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนประเด็นเรื่องความมั่นคงของอาคารที่เกิดจากการทุจริตนั้น DSI กำลังรอผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการที่รองนายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้
การขยายผลสู่คดีนอมินี และการจ้างช่วงผิดกฎหมาย
นอกจากคดีฮั้วประมูลแล้ว DSI ยังเตรียมขยายผลคดีนอมินี โดยมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในลักษณะนอมินี และการจ้างช่วงผิดกฎหมายอีก 4 บริษัทหลัก ซึ่ง DSI จะดำเนินการสอบสวนและรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป


