posttoday

กยศ. ปรับโครงสร้างหนี้ ลดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% คืนเงินส่วนเกินแล้วกว่า 73 ล้าน

21 พฤษภาคม 2568

กยศ. ชี้แจงความคืบหน้ามาตรการใหม่ตาม พ.ร.บ. ปรับโครงสร้างหนี้ ลดเบี้ยปรับเหลือ 0.5% พร้อมปลดผู้ค้ำ และคืนเงินส่วนเกินให้ผู้กู้ยืมแล้วกว่า 2,600 ราย รวมกว่า 73 ล้านบาท”

ดร.นันทวัน วงศ์ขจรกิตติ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ) ประกาศดำเนินการตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ที่มีการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ โดยลดอัตราดอกเบี้ยจากเดิมเหลือเพียง 1% ต่อปี และเบี้ยปรับลดลงจากสูงสุด 18% ต่อปี เหลือเพียง 0.5% ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืม พร้อมทั้งปรับลำดับการชำระหนี้ใหม่เป็น “เงินต้น – ดอกเบี้ย – เบี้ยปรับ” แทนการชำระตามลำดับเดิม ซึ่งจะทำให้ผู้กู้สามารถชำระหนี้ได้ง่ายขึ้นและลดความยุ่งยากในการดำเนินการ

 

การปรับโครงสร้างหนี้นี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้กู้ยืมสามารถปลดภาระจากผู้ค้ำประกันได้ทันที พร้อมทั้งสามารถผ่อนชำระหนี้ในอัตราเท่ากันทุกเดือนเป็นระยะเวลานานสูงสุดถึง 15 ปี โดยผู้กู้จะต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายแล้ว กยศ. ยังมอบส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100% หากไม่ผิดนัดชำระหนี้เกิน 6 งวด
 

นอกจากนี้ กยศ. ยังได้เริ่มการคืนเงินส่วนเกินที่ผู้กู้ยืมได้ชำระไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีผู้กู้ยืมกว่า 286,362 รายที่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืน ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีผู้กู้ยืมจำนวน 2,602 รายได้รับเงินคืนรวมแล้วกว่า 73 ล้านบาท ผ่านระบบโอนเงินพร้อมเพย์ โดยจะคืนเงินให้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก 70% ของยอดเงินที่คำนวณ และส่วนที่เหลือเมื่อการคำนวณหนี้เสร็จสมบูรณ์

 

สำหรับผู้กู้ที่ได้รับผลกระทบจากการหักเงินเดือนเพิ่ม 3,000 บาทต่อเดือน กยศ. ยังมีมาตรการรองรับสองกลุ่ม ได้แก่

1.ผู้กู้ที่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วจะต้องชำระยอดหนี้ในงวดแรกด้วยตนเอง และแจ้งให้นายจ้างทราบ เพื่อป้องกันการหักเงินเดือนเพิ่มในเดือนนั้นๆ

 

2.ผู้กู้ที่ยังไม่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้สามารถยื่นขอปรับลดจำนวนเงินหักได้

 

ทั้งนี้ กยศ. ยังได้ออกมาตรการลดหย่อนหนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้กู้สามารถปิดบัญชีได้ โดยมีการมอบส่วนลดต้นเงิน 5-10% และส่วนลดเบี้ยปรับ 100% สำหรับผู้กู้ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดี หรือกำลังชำระหนี้อยู่ ซึ่งสามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิได้ผ่านเว็บไซต์ของ กยศ.

 

ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถติดตามข้อมูลและตรวจสอบสถานะบัญชีได้ผ่านเว็บไซต์ www.studentloan.or.th และดำเนินการขอรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

ข่าวล่าสุด

เส้นทาง “เถ้าแก่ส้ม” ร้อยล้าน ปั้นโชกุนเบตง–สายน้ำผึ้งฝางดังทั่วประเทศ