จับ "3 พนักงานแบงก์" ร่วมมือ "จีนเทา" เปิดบัญชี แก๊งคอลเซ็นเตอร์"
งานเข้า! "3 พนักงานแบงก์" ร่วมมือ "จีนเทา" เปิดบัญชีให้ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ถูก ศปอส.บช.น. รวบ! ด้านแก๊งคอลฯจีนเทา หอบ 2,000 ล้าน หนีกลับประเทศทันที
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ร่วมกันขยายผลสืบสวนกลุ่มคนร้ายสัญชาติจีนที่ มีพฤติกรรมเข้าข่ายต้องสงสัยว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
โดยผลการสืบสวนขยายผล ได้สืบทราบว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนตระเวนกดเงินสดจากตู้ และ ถอนเงินสดจำนวนมากที่เคาน์เตอร์ธนาคาร
กลางเดือนมีนาคม พบว่ามีชาวจีนเปิดบัญชีธนาคาร จำนวน 15 บัญชี เมื่อเปิดบัญชีธนาคารแล้ว จะตระเวนกดเงินสดจากตู้ และถอนเงินสดจำนวนมากที่เคาน์เตอร์ธนาคาร พบว่ามีเงินที่ถูกถอนทั้งสิ้น 91 ล้านบาทภายใน 1–2 วัน ก่อนเดินทางออกนอกประเทศทันที
จากการสืบสวนพบว่าเจ้าของบัญชีธนาคารชาวจีนทั้ง 15 ราย จะเดินทางเข้ามาในประเทศ โดยมีกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนที่อยู่ในประเทศไทยคอยอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มชาวจีน อาทิ ซื้อซิม โทรศัพท์ เปิดบัญชีธนาคาร
เมื่อเปิดบัญชีแล้วจะมีเงินถูกโอนเข้ามาให้กับบัญชีธนาคารทั้ง 15 บัญชี รวมเงินประมาณ 118 ล้านบาท
จากการตรวจสอบระบบแจ้งความออนไลน์ทางเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่าบัญชีธนาคารชาวจีนทั้ง 15 บัญชี มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว จำนวน 106 คดี
นอกจากนี้ยังพบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ใช้หลอกลวงอีก 462 บัญชี จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีที่มีการแจ้งความแล้วจำนวน 2,084 คดี มูลค่าความเสียหายทั้งหมด 2,200 ล้านบาท
24 เม.ย.2568
ศปอส.บช.น. ได้การจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่คอยจัดการ และอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคนร้ายชาวจีนที่มาเปิดบัญชีและถอนเงินออกไปจำนวน 4 ราย
1. MR. YANG (นายหยาง) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา จับกุมโดย สน.บึงกุ่มเกี่ยวข้องเป็นกลุ่มจัดหาบัญชีม้า
2. MR. XIE (นายเซี่ย) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา จับกุมโดย สน.บึงกุ่ม เกี่ยวข้องเป็นกลุ่มจัดหาบัญชีม้า
3. MR. HANG (นายฮาง) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง จับกุมโดย สน.ประเวศ เกี่ยวข้องเป็นกลุ่มควบคุมการถอนเงิน
ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อั้งยี่ และร่วมกันฟอกเงิน”
4. MR. WU (นายหวู) ถูกดำเนินคดีในข้อหา “เป็นธุระจัดหา เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” นำส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร เกี่ยวข้องเป็นกลุ่มควบคุมการถอนเงิน
นอกจากนั้นขยายผลพบว่าในการเปิดบัญชีธนาคารของกลุ่มชาวจีนที่ธนาคารแห่งหนึ่งในอำเภอ บางละมุง จังหวัดชลบุรี มีกลุ่มเอเจนซี่และกลุ่มพนักงานธนาคารมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนดังกล่าว
ศปอส.ภ.2. ได้รวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง รวม 6 ราย และจับกุมโดยสภ.บางละมุงดังนี้
1. นางสาวสิริลักษณ์ เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว โดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้ข่าว หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
2. นางสาวชุติมา เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร
3. นายทรงพล เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร
ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว โดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้ข่าว หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด ,ร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”
4. นางสาวมนธิดา เกี่ยวข้องเป็นล่าม
ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว โดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้ข่าว หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
5. นายณรงค์ฤทธิ์ เกี่ยวข้องเป็นล่าม
ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหา “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว โดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขาย ให้ข่าว หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาญชากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เริ่มปรับตัวใช้วีซ่าท่องเที่ยวมาเปิดบัญชีด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารกลุ่มหนึ่งให้ความช่วยเหลือ ทาง ศปอส.ตร. จะได้มีการขยายผลในคดี จับกุม ยึดทรัพย์ กลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
ซึ่งยังมีบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมากมูลค่าความเสียหายเป็นหลักพันล้านบาท และในคดีนี้พบช่องว่างของการทำงานของธนาคาร ซึ่งจะต้องมีมาตรการเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้นต่อไป