ไทยติดท็อปโลกนักวิจัยหญิงมากกว่าชาย รัฐดัน 3 นโยบายหนุนบทบาทสตรีสายวิทย์
ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่มีนักวิจัยหญิงมากกว่าชาย สูงกว่า 53% อว.เดินหน้าขับเคลื่อน 3 นโยบายส่งเสริมบทบาทสตรีสายวิทย์ ตั้งโครงการบ่มเพาะ-ขยายทุนวิจัย-สร้างเครือข่ายนานาชาติ
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุม STI Forum ครั้งที่ 10 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ประเทศไทยได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนในการส่งเสริมบทบาทของผู้หญิงในวงการวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 5 (SDG 5) ว่าด้วยความเท่าเทียมทางเพศ
ที่ผ่านมาไทยให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการฝึกอบรมทักษะขั้นสูง โดยเน้นการเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงผ่านการศึกษาที่ครอบคลุม และการพัฒนาทักษะใหม่ (reskilling) ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัลและเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากสถาบันสถิติแห่งยูเนสโก (UNESCO Institute for Statistics - UIS) ที่ระบุว่า ประเทศไทยมีนักวิจัยหญิงคิดเป็นสัดส่วนถึง ร้อยละ 53 ของนักวิจัยทั้งหมดในประเทศ
นับเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่มีนักวิจัยหญิงมากกว่านักวิจัยชาย สะท้อนถึงความก้าวหน้าและความเสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและอาชีพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวศุภมาส กล่าวต่อว่า เพื่อยกระดับความเท่าเทียมทางเพศในระบบนิเวศนวัตกรรมของไทยอย่างต่อเนื่อง จึงได้มอบนโยบายให้กระทรวง อว. จัดทำแผนดำเนินนโยบายเชิงรุกในการขับเคลื่อนการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กหญิงและสตรีในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตั้งแต่ระดับการศึกษาไปจนถึงภาคการวิจัย โดยให้ดำเนินงานผ่าน 3 แนวทางสำคัญ ได้แก่
1.จัดตั้ง “โครงการบ่มเพาะผู้นำหญิงในวงการวิทยาศาสตร์” เพื่อสร้างโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์หญิงได้แสดงศักยภาพและก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในภาคการวิจัย
2.ขยายทุนวิจัยเฉพาะทางสำหรับนักวิจัยหญิง โดยให้ความสำคัญกับสาขาเทคโนโลยีแห่งอนาคต อาทิ AI, พลังงานสะอาด และเศรษฐกิจชีวภาพ
3.สร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคและนานาชาติ ผ่านกลไกของ UN และองค์กรพันธมิตร เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของนักวิจัยหญิงในอาเซียน
“กระทรวง อว. ภาคภูมิใจในความสามารถของนักวิทยาศาสตร์หญิงที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะในด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เกษตรกรรม พลังงาน หรือเทคโนโลยีดิจิทัล เราพร้อมเดินหน้าส่งเสริมความเท่าเทียมในระบบนิเวศนวัตกรรม เพื่อให้ “วิทยาศาสตร์ไทย” เติบโตอย่างมีส่วนร่วมจากทุกเพศอย่างแท้จริง"
ด้านนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก กล่าวว่า การประกาศของ รมว.อว. ในเวที UN ครั้งนี้ ได้ตอกย้ำบทบาทของไทยในฐานะประเทศผู้นำด้านการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในสายวิทยาศาสตร์ บนเวทีระหว่างประเทศ
คณะผู้แทนถาวรไทยฯ พร้อมสนับสนุนและผลักดันให้ประเด็นนี้เป็นที่รับรู้และได้รับความร่วมมือจากนานาชาติ โดยเฉพาะในการสร้างพันธมิตรเพื่อส่งเสริมผู้นำหญิงในวงการวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม และการพัฒนาวิทยาศาสตร์ไทยเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยทุกคนมีส่วนร่วมต่อไป


