posttoday

“อว. - NIA” เผยนวัตกรรมไทยครองอันดับ 43 ของโลก แนะจุดปรับ ทะยานท็อป 30

28 กันยายน 2566

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เผยผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2566 ไทยครองอันดับ 43 ชี้ภาครัฐมีส่วนสำคัญ หนุนไทยติดท็อป 30 ของโลกภายในปี 2573

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เผยผลการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ประจำปี 2566 หรือ Global Innovation Index 2023 (GII 2023) ภายใต้ธีมผู้นำนวัตกรรมท่ามกลางความไม่แน่นอน (Innovation in the face of uncertainty) ซึ่งจัดโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (WIPO) เพื่อวัดระดับความสามารถทางด้านนวัตกรรมของ 132 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้ประเทศไทยยังครองอันดับที่ 43 คงเดิมจากปีที่แล้ว โดยมีปัจจัยเข้าทางนวัตกรรม (Innovation input sub-index) ดีขึ้น 4 อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ 44 และปัจจัยย่อยผลผลิตทางนวัตกรรม (Innovation output sub-index) ดีขึ้น 1 อันดับ มาอยู่ในอันดับที่ 43  ถือเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน รองจากประเทศสิงคโปร์ (5) และประเทศมาเลเซีย (36) ทั้งนี้ มีอันดับของกลุ่มปัจจัยขยับขึ้น 5 จาก 7 กลุ่ม โดยกลุ่มที่มีการขยับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มปัจจัยด้านระบบตลาด (Market sophistication) ที่ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 22 จาก 132 ประเทศ

“อว. - NIA” เผยนวัตกรรมไทยครองอันดับ 43 ของโลก แนะจุดปรับ ทะยานท็อป 30

ดัชนีนวัตกรรมโลกเป็นการจัดอันดับความสามารถทางนวัตกรรมของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ผ่านการประเมินตัวชี้วัดทั้งสิ้น 80 ตัวชี้วัด ซึ่งจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยปีนี้อยู่ภายใต้ธีมผู้นำนวัตกรรมท่ามกลางความไม่แน่นอน เน้นนำกระแสแนวโน้มการพัฒนานวัตกรรมเทียบกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจ 

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนานวัตกรรมในห่วงโซ่อุปทานโลก ภาวะปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของนวัตกรรม ความแตกต่างประสิทธิภาพทางนวัตกรรมของประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาในช่วงที่ผ่านมา โดยจะเห็นได้ว่าผลการจัดอันดับ GII สะท้อนให้เห็นว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยมีพัฒนาการความสามารถทางนวัตกรรมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขับเคลื่อนของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ การศึกษา เอกชน และประชาชนที่มีความพยายามที่จะพัฒนาและยกระดับความสามารถเพื่อก้าวเป็นประเทศชั้นนำที่ขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม

“อว. - NIA” เผยนวัตกรรมไทยครองอันดับ 43 ของโลก แนะจุดปรับ ทะยานท็อป 30

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยว่า การที่นวัตกรรมของไทยจะสามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้นั้น ต้องอาศัยความเข้มแข็งของภาคเอกชน โดยมีภาครัฐเป็นกองหนุนสำคัญที่จะสร้างการรับรู้ ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น “ชาตินวัตกรรม” และก้าวสู่อันดับที่ 30 ของประเทศที่มีความสามารถด้านนวัตกรรมของโลกภายในปี 2573 

โดยรัฐจะต้องเป็น Sandbox และ Accelerator ของนวัตกรรม เพื่อให้เกิดพื้นที่นำร่องและสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรม เร่งการเติบโตในการลงทุนทางนวัตกรรมเชื่อมกับการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ การลงทุน และการถ่ายทอดองค์ความรู้และสร้างผลผลิตทางนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก

กระตุ้นกิจกรรมด้านตลาดการเงินนวัตกรรมและตลาดทุนทางเทคโนโลยี สร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ธุรกิจที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพิ่มจำนวนวิสาหกิจฐานนวัตกรรมเพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางธุรกิจ สร้างธุรกิจใหม่ที่ตอบสนองความเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่มูลค่า และสร้างตลาดแรงงานทักษะสูง คุ้มครองและการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา และสุดท้ายเพิ่มจำนวนนวัตกรรมฐานความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรม ถือเป็นจุดเด่นของประเทศไทยที่จะนำซอฟท์พาวเวอร์มาพัฒนาสู่นวัตกรรมในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาหาร แฟชั่นและบันเทิง

“อว. - NIA” เผยนวัตกรรมไทยครองอันดับ 43 ของโลก แนะจุดปรับ ทะยานท็อป 30

ขณะที่ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ปัจจัยชี้วัดความสามารถด้านนวัตกรรมของประเทศไทยที่เป็นจุดแข็งมากที่สุด เป็นกลุ่มปัจจัยด้านระบบตลาดอยู่อันดับที่ 22 ปรับตัวขึ้นจากปีที่แล้ว 5 อันดับ นอกจากนี้ กลุ่มปัจจัยที่มีอันดับดีขึ้น ได้แก่ กลุ่มปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานดีขึ้น 5 อันดับ  และกลุ่มปัจจัยด้านผลผลิตจากความคิดสร้างสรรค์ ที่ภาพรวมปรับตัวดีขึ้น 5 อันดับ โดยมีจุดแข็งด้านการส่งออกสินค้าสร้างสรรค์ (อันดับที่ 1) ส่วนกลุ่มปัจจัยที่ปรับอันดับลดลงได้แก่ กลุ่มปัจจัยด้านสถาบัน กลุ่มปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัย โดยปัจจัยด้านสถาบันอันดับลดลงมากที่สุดถึง 7 อันดับ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงรักษาประสิทธิภาพทางนวัตกรรมที่สะท้อนความคาดหวังตามระดับรายได้ (GDP per capita) คงอยู่ในระดับบวก มีความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรมที่สูงกว่าความคาดหมาย