posttoday

ยันพรก.คริปโตฯยืดหยุ่น

10 มีนาคม 2561

"วิษณุ" นัด ก.ล.ต.แจงความคืบหน้าแก้ไขร่าง พ.ร.ก.คุมคริปโตเคอเรนซีต้นสัปดาห์หน้า ย้ำออกกฎหมายยืดหยุ่นเอื้อการพัฒนาเทคโนโลยีการเงิน

"วิษณุ" นัด ก.ล.ต.แจงความคืบหน้าแก้ไขร่าง พ.ร.ก.คุมคริปโตเคอเรนซีต้นสัปดาห์หน้า ย้ำออกกฎหมายยืดหยุ่นเอื้อการพัฒนาเทคโนโลยีการเงิน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงต้นสัปดาห์หน้าไม่เกินวันที่ 13 มี.ค.นี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะรายงานความคืบหน้าของการแก้ไขร่างกฎหมายเพื่อกำกับเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี หลังจากได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดูว่าสามารถแก้ไขในส่วนที่ยังไม่ชัดเจนได้ตรงกับคำแนะนำหรือไม่ เช่นในประเด็นความหมายของคริปโตเคอเรนซี หรือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและมาตรการทางภาษี ซึ่งทั้งหมดเป็นการแก้ไขใน รายละเอียดเล็กน้อย

ทั้งนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่ากฎหมายจะออกใช้ได้เมื่อไหร่ เพราะมีส่วนที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องร่วมพิจารณาด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องของกฎหมายการเงินโดยตรง แต่ทั้งนี้จะไม่ออกโดยการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แน่นอน ซึ่งจะเห็นว่าตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามไม่ออกมาตรา 44 แต่จะใช้อำนาจทางบริหารปกติ

รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การออกกฎหมายควบคุมเงินดิจิทัลจะมีความยืดหยุ่นเพียงพอต่อการสนับสนุนให้ริเริ่มนวัตกรรมใหม่ๆ

"กฎหมายที่ออกมาจะมีความยืดหยุ่นและสนับสนุนให้เกิดเทคโนโลยีทางการเงินได้ไม่ปิดกั้น แต่จะปิดกั้นเทคโนโลยีที่จะออกมาเพื่อเอาเปรียบ หลอกลวง และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน" นายวิษณุ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องประเด็นการระดมทุนด้วยเงินดิจิทัล หรือไอซีโอ เป็นเรื่องใหม่ ขอให้ผู้ที่สนใจจะไปลงทุนต้องระมัดระวังให้มาก ต้องศึกษาให้ดีถึงความเสี่ยงที่ตามมาด้วย ไม่อยากให้ผลีผลาม เพราะรัฐบาลกำลังดำเนินการในด้านกฎหมายเพราะเป็นเรื่องใหม่เพื่อที่จะสามารถกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจด้านนี้ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เป็นช่องว่างในการก่ออาชญากรรมและการทุจริตต่างๆ

ด้านการประชุมคณะกรรมการ ขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลที่มี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้แนวทางขับเคลื่อนประเทศโดยให้ ทั้งส่วนราชการ ภาคธุรกิจ ประชาชน ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัลผ่าน การบูรณาการการทำงานและมีการ เชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน และต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีการกำหนดโรดแมปที่ชัดเจนในแต่ ละขั้น โดยเชื่อว่าดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือที่ดีในการตรวจสอบและสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการที่รวดเร็ว อำนวยความสะดวก และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน

ที่ประชุมยังได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนที่ดำเนินการได้ทันทีและจะเห็นผลใน 3 เดือน โดยจะมีระบบที่สามารถวิเคราะห์และแสดงความสัมพันธ์และความซ้ำซ้อนของนโยบายต่างๆ และใน 6 เดือน ภาครัฐจะเลิกเรียกสำเนาเอกสารจากประชาชนเมื่อต้องมีการติดต่อหน่วยงานรัฐ เพื่อลดภาระประชาชน เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ใน 1 ปี จะมีระบบบริหารทรัพยากรภายในองค์กรภาครัฐให้มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งประเทศ และมีมาตรฐานการเชื่อมโยงเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐกับภาครัฐ และเอกชนที่มีความมั่นคงปลอดภัยทั้งรัฐบาล