posttoday

ถั่วงอก กับ มะม่วง

28 สิงหาคม 2560

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

โดย...จักรพงษ์ เมษพันธุ์ THE MONEY COACH

เชื่อว่าทุกท่านน่าจะเคยเพาะถั่วงอก จากเมล็ดถั่วเขียว อย่างน้อยก็ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์สมัยประถม

เมล็ดถั่วเขียวแช่น้ำ เพาะบนกระดาษทิชชู่ ในกล่องขนาดเล็ก แค่ 2-3 วัน ลำต้นจะก็เติบโตสูงชะลูดขึ้นมา ให้ได้วิเคราะห์วิจัยถึงกระบวนการสังเคราะห์แสง แสดงความรู้กันเสียใหญ่โต

แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะเคยปลูกต้นมะม่วง ตั้งแต่เริ่มฝังเม็ดมะม่วงลงในดิน เฝ้ารดน้ำ พรวนดินและใส่ปุ๋ย จนวันหนึ่งได้กินมะม่วงจากต้นที่ตัวเองปลูก

ผมเองเคยทั้งเพาะถั่วงอกและปลูกมะม่วง เลยเข้าใจดีว่าความรู้สึก หรือฟีลลิ่งตอนเห็นมะม่วงเริ่มออกผล และเติบโตจนได้กิน ว่ามันยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นกว่าการเห็นเม็ดถั่วเขียวแปลงร่างเป็นถั่วงอก (ซึ่งใครก็ทำได้) มากมายแค่ไหน

สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้มะม่วงมีรสชาติทรงคุณค่าทางจิตใจมากกว่าถั่วงอกน่าจะเป็นเรื่องของการเพาะบ่มเวลาที่ต้องใช้ปุ๋ยเป็นความอดทนรอคอยที่มากกว่า ประหนึ่งว่าการเฝ้าคอยวันแล้ววันเล่า คือ สารอาหารช่วยปรุงแต่งรสชาติมะม่วงให้ดียิ่งขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป

เรื่องของความสำเร็จทางการเงินในชีวิตของคนเรา ก็สามารถเปรียบเทียบกับพืชล้มลุกและไม้ยืนต้นคู่นี้ได้เป็นอย่างดี

คนจำนวนไม่น้อยหมดโอกาสที่จะได้พบกับอิสรภาพทางการเงิน เพียงเพราะพวกเขามองแต่ผลตอบแทนในระยะสั้น ที่ได้แน่ๆ หรือได้ทันทีที่งานแล้วเสร็จ

เช่น ยอมทำงานเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองชั่วโมง เพื่อแลกกับเงินล่วงเวลา ทำงานพิเศษนอกเวลางาน เพื่อแลกกับรายได้เสริมอีกเล็กน้อย หรือยอมทิ้งความสบายในสำนักงาน เพื่อแลกกับการได้เบี้ยเลี้ยงต่างสถานที่ไม่กี่สตางค์ เป็นต้น

ทั้งหมดที่ว่ามานั้นไม่ต่างอะไรกับการลงแรง ลงเวลา เพื่อเพาะถั่วงอก ด้วยหวังจะได้กินมันในวันมะรืน

ในขณะที่คนซึ่ง “อดทนรอคอย” ความสำเร็จได้ จะสามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ นั่นคือ ยอมไม่ได้รับผลตอบแทนทันทีที่ทำงาน ด้วยเหตุของวิสัยทัศน์ที่กว้างและยาวไกลกว่า

แทนที่จะเอาเวลาไปแลกค่าล่วงเวลาที่ได้แน่ๆ ได้ทันที กลับเอาเวลาไปสร้างธุรกิจที่ยังไม่ได้เงิน ไม่เห็นกำไร เอาเวลาไปเดินดูอสังหาริมทรัพย์ให้เช่านับสิบๆ แห่ง กว่าจะหาซื้อได้สักแห่ง หรือเอาเวลาไปศึกษาหุ้นเพื่อเลือกลงทุน ที่ต้องทำการบ้านก่อนซื้อมากมาย ไม่ใช่รอฟังใครสักคนแล้วซื้อตาม

คนเหล่านี้โฟกัสไปที่การมีมะม่วงกินไปได้ตลอด แทนที่จะต้องมานั่งเพาะถั่วงอกที่กินแล้วก็หมดไป แล้วก็ต้องมาเพาะกันใหม่ทุกครั้ง ซึ่งมะม่วงอาจเปรียบได้กับธุรกิจที่อาจใช้เวลาสร้างนานสักหน่อย แต่เมื่อมันยืนด้วยตัวเองได้ ก็จะสร้างกำไรในระยะยาวให้กับเรา หรือการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ที่จะจ่ายค่าเช่าให้เราอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ออกแรงน้อยลง หรือการลงทุนในหุ้นที่จะให้ปันผลกับเราไปตลอด ตราบเท่าที่มันยังดำเนินกิจการไปได้ดี

ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าการปลูกถั่วงอกหรือการทำงานเพื่อเพิ่มรายได้นั้นไม่ดี เพียงแต่ต้องการจะสื่อสารว่า ระหว่างที่ทำงานหารายได้เสริม ถ้าหากต้องการมีอิสรภาพทางการเงินในอนาคต คนเราก็น่าจะมองไปที่การซื้อและสร้างทรัพย์สิน หรือการเริ่มต้นปลูกมะม่วงไปพร้อมๆ กันด้วย

อันที่จริงจะว่าไปแล้วแล้ว การลงแรงเพาะถั่วงอกและปลูกต้นมะม่วงนั้น ใช้เวลาและมีต้นทุนเริ่มต้นในการปลูกไม่ต่างกันมากเท่าไร แต่การหมั่นดูแลเอาใจใส่ รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย และความสามารถในการอดทนรอคอยของเจ้าของมันต่างหาก คือ ต้นทุนสำคัญที่ส่งให้ผลตอบแทนในบั้นปลายแตกต่างกันมหาศาล

ก่อนลงทุน ลงแรง ลงเวลา ในกิจการงานใด อย่าลืมตรวจสอบตัวเองให้ดีเสียก่อนว่า …

ท่านกำลังจะเพาะถั่วงอกหรือกำลังจะปลูกมะม่วง ท่านกำลังทำงานหนัก เพื่อแลกกับผลตอบแทนระยะสั้น หรือผลตอบแทนระยะยาว ท่านกำลังทำแค่งานเพื่อเลี้ยงตัว หรือกำลังสร้างทรัพย์สินที่สร้างกระแสเงินสดไปได้ตลอด

วิสัยทัศน์ของท่านยาวไกลแค่ไหน 3 วัน หรือ 10 ปี

เลือกปลูกอะไร ก็จะได้กินแบบนั้น...เพราะ “ความมั่งคั่งเริ่มต้นที่วิสัยทัศน์ของคุณ”