หุ้นกลุ่มไหนควรมีไว้ในพอร์ต

โดย...ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ [email protected]

โดยภาพรวมวัฎจักรของการลงทุน เมื่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจฟื้นตัวขึ้น มักจะสะท้อนถึงบรรยากาศการลงทุนให้กลับมามีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งผมยังมีความเชื่อมั่นว่า มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลจะสามารถช่วยเร่งความเชื่อมั่นในทุกๆส่วนให้กลับคืนมาได้ โดยผมมองทิศทางตลาดหุ้นไทยในระยะปานกลาง 6 เดือนข้างหน้านี้มีความน่าสนใจเข้าลงทุน แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะเผชิญกับแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมาตลอด 3 ปีแล้วก็ตาม แต่ผมมองว่า Downside Riskจะเป็นไปอย่างจำกัดมากขึ้น หาก Road Mapจากภาครัฐบาลสามารถสะท้อนให้เห็นถึงตัวเลข GDP ของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มการฟื้นตัวได้จริง ประกอบกับปัจจัยทางการเมือง เกี่ยวกับความคืบหน้าการเลือกตั้งชัดเจนขึ้นในช่วงกลางปีหน้า กระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสไหลกลับมา เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะเสริมความมั่นใจเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย

อีกทั้ง ณ ระดับราคาหุ้นไทยที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 1,300 จุด ทำให้ค่าระดับ P/Eของตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำเพียง 12.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิปีหน้าอยู่ที่ระดับ 16.45% และอัตราการจ่ายเงินปันผลของหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 3.61% ถือว่าเป็นระดับที่น่าสนใจ และจากการลงทุนของภาครัฐบาลประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ทำให้หุ้นกลุ่ม Domestic Playอาทิ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐและยังได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของ AEC และการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้าน และประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลงกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีแนวโน้มการขยายตัวของกำไรสุทธิในระดับสูงกลุ่มการแพทย์ จากความนิยมเรื่องดูแลสุขภาพของผู้บริโภคและแนวโน้มการขยายธุรกิจที่เพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของแรงงานต่างด้าวและสิทธิประกันสังคม ทำให้มองว่า ผลประกอบการของหุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ ได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ผู้ลงทุนยังต้องติดตามปัจจัยภายในและภายนอกอย่างใกล้ชิด ซึ่งผมมองว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ตลาดคาดการณ์จะส่งผลกระทบต่อบรรกาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาทิ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของประเทศจีน หากปีหน้าGDPมีการชะลอตัวมากกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ 6%ผมมองว่า จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าซึ่งถือว่าสำคัญ รวมถึงควรติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐภายในประเทศเราเอง เพราะหากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของทางภาครัฐ สามารถดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง ผลจากมาตรการจะสามารถสะท้อนบรรยากาศการลงทุนเชิงบวกได้ตามที่ตลาดคาดการณ์

ทั้งนี้ ทางบลจ.วรรณจะสรุปเพื่อวิเคราะห์สถานกาณ์ภาพตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังอีกครั้ง เพื่อประเมินภาพการลงทุน และ สำหรับผู้ลงทุนที่ยังสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทย ผมแนะนำให้ทยอยเข้าลงทุนได้ พร้อมๆ การติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมปรับพอร์ตรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เพราะธรรมชาติของการลงทุนย่อมมีความเสี่ยง และวินัยของการลงทุนที่ดี คือ การติดตามข่าวสารการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมและทีมงานในบลจ.วรรณ ยินดีและมีความพร้อมให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในทุกๆตลาด ครับ

•นักลงทุนสามารถสอบถามเพิ่มเติมและขอรับร่างหนังสือชี้ชวนได้ที่ฝ่ายบริการลูกค้าและสนับสนุนธุรกิจที่หมายเลข 02-659-8888 ต่อ 1 ครับ

•“ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”